window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-HT69D45H8X');
เป็นมนุษย์แม่...จึงเจ็บปวด
เมื่อ 6 เดือนที่แล้ว

กว่าจะมาเป็น Supermom!
เรื่องราวการเติบโตของ มนุษย์แม่ จากหนังดีการันตีโดยรางวัล Oscars ปีล่าสุดกว่า 7 สาขา อย่าง ‘Everything Everywhere All At Once’


จบลงไปแล้วสำหรับงานประกาศรางวัลหนังสุดยิ่งใหญ่อย่างรางวัล Academy Awards หรือรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 95 ที่จัดขึ้นที่ Dolby Theatre ในนครลอสแองเจลลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันนี้ในตอนเช้าที่ผ่านมา


ซึ่งหนังบู้ตลกหลุดโลกแต่อบอุ่นไปด้วยไอรักของครอบครัวอย่าง ‘Everything Everywhere All at Once’ หนังเอเชียจาก A24 กำกับโดย The Daniels อย่างแดเนียล ควาน (Daniel Kwan) และแดเนียล ไชเนิร์ท (Daniel Scheinert) ก็ได้กวาดรางวัลออสการ์ครั้งนี้ไปถึง 7 รางวัล ทั้งรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมโดยมิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) ซึ่งสร้างประวัติการณ์การเป็นนักแสดงเอเชียคนแรกที่ได้รับรางวัลใหญ่นี้ รวมถึงรางวัลใหญ่อย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Best Picture Award) อีกด้วย


FYI [เนื้อต่อจากนี้อาจมีการสปอยล์]


Everything Everywhere All at Once เป็นหนังที่เล่าถึงเรื่องราวของเอเวอลีน หญิงสาว มนุษย์แม่ ชาวจีนเจ้าของร้านซักรีดที่กำลังจะเจ๊ง ที่รู้สึกว่า ตัวเองไม่เก่งอะไรเลย มาตั้งแต่ไหนแต่ไรเพราะถูกคุณพ่อคอยกรอกหูแบบนี้มาโดยตลอด เธออาศัยอยู่กับ ‘เวย์มอนด์’ สามีผู้อ่อนโยน แสนดี แต่ไม่สู้คน และ ‘จอย’ ลูกสาวสุดแสบเสี้ยวเปรี้ยวซ่าวัยทีน ที่ไม่ค่อยลงรอยกับเธอเท่าไหร่นัก จนอยู่มาวันหนึ่งเธอก็ต้องกลายมาเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ผู้กอบกู้โลกอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเจอสามีของเธอที่มาจากอีกจักรวาลหนึ่ง ได้มาขอความช่วยเหลือเพราะกำลังถูกวายร้ายจอมแสบอย่าง โจบู ทูบากิ โจมตีอย่างเหี้ยมโหด และกำลังจะเข้าไปทำร้ายจักรวาลอื่น ๆ ด้วยความบ้าบิ่นของเธอ ซึ่งเธอก็ต้องช็อคอีกครั้งเมื่อสุดท้ายเธอได้พบว่า วายร้ายจอมแสบโจบู ทูบากินั้น หน้าตาเหมือนจอยมาก จนทำให้เธอเชื่อไปว่ามันคือลูกสาวของเธอเอง


จากการผจญภัยสู่การเป็นซุปเปอร์ฮีโร่จำเป็นนี้ ทำให้เอเวอลีนได้เติบโตขึ้นอย่างมาก ทั้งในฐานะของการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และในฐานะของการเป็นคุณแม่ อย่างแรกเธอได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเธอมีศักยภาพมากกว่าที่เธอคิด เพราะเธอเพิ่งเห็นว่า ‘การที่ตัวเองไม่เก่งอะไรเลย’ ทำให้เธอกล้าบ้าบิ่นมากพอที่จะลองทำทุกอย่าง ซึ่งนั่นกลายเป็นขุมพลังของเธอที่สามารถรอดชีวิตและต่อสู้กับโจบู ทูบากิได้ ซึ่งสิ่งนั้นได้สร้างความมั่นใจให้เธอ ทำให้เธอเรียนรู้ที่จะ ‘โอบกอดความรัก’ มากขึ้นจากสามีแสนดีของเธอเอง ที่แม้จะดูไม่สู้คนเพราะไม่ใช้การตอบโต้ด้วยความโกรธ การทะเลาะ หรือความรุนแรง แต่ใช้ความอ่อนโยนและความรักในการต่อสู้ 


ซึ่งมันก็ทำให้เธอเรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้น และเปลี่ยนมาใช้ความอ่อนโยนและความรักนี้ในการต่อสู้กับศัตรูมากมาย กลายเป็นพลังที่แข็งแกร่งที่ทำให้สามารถเข้าถึงตัวโจบู ทูบากิได้ และดำเนินมาจนถึงจุด climax ทึ่สุดของเรื่อง ที่ทำให้เธอเริ่มเข้าใจความเจ็บปวด ยอมรับตัวตน และให้อภัยทั้งตัวเธอเองและคุณพ่อของเธอที่ทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ และเริ่มเข้าใจความไม่ลงรอยระหว่างเธอกับจอยมากขึ้น ที่สุดท้ายแล้วสาเหตุที่ลูกสาวเธอเป็นเช่นนั้น ไม่ใช่แค่เพราะต้องการให้เธอมอบความรักหรือสนใจเธอบ้าง แต่เป็นเพราะจอย ‘รัก’ เธอมาก และอยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเธอก้าวพ้นอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ไปด้วยเช่นกัน


ในฐานะ มนุษย์แม่ อย่างพวกเรา หนังเรื่องนี้ทำให้เราได้รู้อะไรบ้าง


‘เราไม่จำเป็นจะต้องแบกมันไว้คนเดียวนะ’ – ใช่แหละ การเป็น มนุษย์แม่ อย่างเราจำเป็นต้องรับผิดชอบหลายสิ่งมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เรารู้สึกเหมือนต้องเป็น ‘ผู้จัดการทุกอย่าง’ และบ่อยครั้งมันก็ทำให้รู้สึกแย่กับตัวเองเพราะเรารู้สึก ‘ทำทุกอย่างไม่ดีพอ’ แถมยิ่งมันมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น มันยิ่งทำให้รู้สึกแย่กับตัวเองจนรู้สึกไม่สามารถให้อภัยได้ รู้สึกไม่คู่ควรในการได้รับความรักจากใคร เลยต้องลุยเดี่ยว ต้องแก้ไขต้องจัดการมันด้วยตนเองแต่เพียงผู้เดียว


แต่อยากให้รู้เอาไว้นะ ว่า เธอเก่งมากแล้วในแบบของเธอ และ ‘เธอสมควรได้รับความรักจากผู้อื่น’ เพราะถ้าหากมองดูดี ๆ ทุกคนยังรักและพร้อมที่จะให้กำลังใจและความช่วยเหลือเธอตลอดจริง ๆ!  ไม่ว่าจะเป็นจากสามีของเธอเอง หรือแม้แต่ลูกรักของเธอ (ที่เธอมักชอบมองว่ายังเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอนั่นแหละ แต่แท้จริงแล้วเธอเก่ง ใส่ใจ และพร้อมอยู่ข้าง ๆ เธอตลอดนะ) ไม่ว่าเธอจะพลาดหรือไม่พลาดสักแค่ไหนก็ตาม


เพราะฉะนั้น แบ่งเบาสัมภาระอันหนักอึ้งนั้นลง และฝากมันไว้กับคนอื่นบ้างก็ได้ เพราะพวกเขา ‘ยินดี’ ช่วยแบกมันและพร้อมสู้ไปกับเธอเสมอ และนั่นไม่ได้แปลว่าเธอเป็น มนุษย์แม่ ที่แย่เลย


‘อ่อนโยนต่อตนเอง มอบความรักแก่ตนเอง’ – จุดเริ่มต้นของการที่จะสามารถรักและเข้าใจคนอื่นได้ก็คือต้องรู้จักรัก ทำความเข้าใจ และอ่อนโยนกับตัวเองให้ได้ก่อน เพราะฉะนั้น อย่าใจร้ายกับตัวเองมากนัก อย่ากดดันตัวเองจนมากเกินไป อย่าลืมกอดตัวเองเวลาทำพลาด และอย่าลืมให้อภัยตัวเอง เพราะ มนุษย์แม่ ทุกคนควรได้รับการให้อภัย ความรัก และความอบอุ่นนั้นทุกคน และสิ่งนั้นจะช่วยส่งเสริม ทำให้คุณกลายเป็น ‘ซุปเปอร์มัม’ ที่สมบูรณ์ได้อย่างแท้จริง


บทความโดย คุณนายข้าวกล่อง


และหาก มนุษย์แม่ ท่านใดอยากศึกษาการเลี้ยงลูกเพื่อพัฒนาการดูแลลูกของตนเองเพิ่มเติมต่อไป สามารถเข้ามาศึกษาได้ฟรีเลยที่ www.netpama.com

NET PaMa