เคยไหมคะ? รักมาก แต่ส่งความรักไปไม่ถึงคนที่เรารักสักที เพราะอะไรกัน ?
"เธอรักเราไหม"
เพราะ ‘ความรัก’ ก็มีภาษาของตัวเองค่ะ ถ้าภาษารักของคนสองคนไม่ตรงกัน บางครั้งความรักที่เรามีให้ก็อาจจะส่งไปไม่ถึงคนที่เรารัก
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เดือนหวานๆสีชมพู เดือนแห่งความรัก บทความนี้จะขอนำเสนอ 'The Five Love Languages' ภาษารัก 5 ภาษา ทฤษฎีของ Dr. Gary Chapman ถึงแม้ผู้เขียนหนังสือ The Five Love Languages ตีพิมพ์ครั้งแรก ค.ศ.1992 แต่ยังมีผู้กล่าวถึงและนำประยุกต์ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน
โดย The Five Love Languages ประกอบไปด้วย
- Words of Affirmation คำพูดที่เติมเต็ม หรือการบอกรัก การสื่อสารผ่านวาจา คำพูด หรือจะผ่านการเขียน เช่น ข้อความ,โปรแกรมสนทนา คำพูดว่า “รัก” เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายๆคนอยากได้ยิน โดยเฉพาะจากปากคนที่เรารัก แต่บางคนก็อาจจะเขิน เราอาจจะต้องพยายามพูดบอกคนที่เรารักมากขึ้น ถ้าคนรักของคุณเขาอยากได้ยิน ภาษารักนี้จะได้ส่งไปถึง ช่วยเต็มเติมกัน หรือถ้าเขินมาก อาจจะค่อยๆลองจากคำง่ายๆได้ เช่น ‘เป็นห่วงนะ คิดถึงนะ กินข้าวหรือยัง เหนื่อยไหม’ หรือจะเป็นการพูดสื่อสารกันเชิงบวก คำพูดเหล่านี้ก็ช่วยในการส่งภาษารัก และเติมเต็มให้กันได้เช่นกัน
- Acts of Service การช่วยเหลือ หรือการทำอะไรบางอย่างให้ เช่น การไปรับไปส่ง ทำกับข้าวให้ การช่วยเหลือ การทำธุระ การดูแลเอาใจใส่เรื่องต่างๆ เพราะหลายคนเวลารักใครก็อยากดูแล อยากให้เขาสุขสบาย ให้เขารู้สึกมีความสุข เพราะการทำสิ่งเหล่านี้ให้ จริงๆแล้วใช้ทั้งความตั้งใจ เวลา และทรัพยากรอื่นหลายๆอย่างเลยค่ะ
- Quality Time การใช้เวลาอยู่ร่วมกันหรือ การมีเวลาคุณภาพร่วมกัน การได้ทำกิจกรรมๆต่างร่วมกัน การได้อยู่ด้วยกัน ก็เป็นภาษารักอย่างหนึ่ง การที่เราได้ใช้เวลากับคนที่เรารักและทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ฟังเพลง ออกกำลังกาย ไปเที่ยว หรือบางครั้งการได้อยู่ในพื้นที่เดียวกันต่างคนต่างทำในสิ่งที่ชอบ ก็เป็นความอบอุ่นอย่างหนึ่งได้ เพราะเรารู้สึกว่าเรามีคนที่รักอยู่ข้างๆ บางครั้งอาจจะไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันทางกายภาพ (Physical) ก็ได้ ในยุคปัจจุบันการได้วิดีโอคอลกัน คุยแชทกัน แลกเปลี่ยน เล่าเรื่องในแต่ละวันที่เจอ ก็เป็นการเติมเต็มเสริมสร้างความรัก ความผูกพันเช่นกัน ทำให้วันที่เหนื่อยล้าเบาลงได้ค่ะ ถือว่าปัจจุบันโชคดีมากๆเลย ที่เราสามารถสื่อภาษารักได้อย่างไม่มีข้อจำกัดทางระยะทาง และรวดเร็วสุดๆ
- Receiving Gifts การให้ของขวัญ แม้จะของขวัญเล็กๆน้อยซึ่งอาจจะมาจากการซื้อหา หรือทำเอง ของที่อาจให้โอกาสต่างๆ เช่น ดอกไม้ ตุ๊กตา เครื่องเขียน หรือของทำเองน่ารักๆ ของบางอย่างไม่จำเป็นต้องมีราคามากมาย แค่รู้ว่าคนที่เรารัก ตั้งใจให้เรา คิดถึงเรา แค่นี้ก็ทำให้รู้สึกเติมเต็มแล้วค่ะ
- Physical Touch หรือ การสัมผัส เพราะรัก สามารถสื่อสารได้ด้วยการสัมผัสด้วยเช่นกัน ทั้งการกอด การจับมือ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นการยินยอมทั้งสองฝ่ายนะคะ ถ้าทั้งสองฝ่ายเต็มใจแล้วล่ะก็ มันก็คือภาษารัก การได้สัมผัสกันนับเป็นการสื่อภาษารักได้ เพราะเวลาเราทุกข์ใจ แค่มีใครสักคนมาจับมือ กอด แม้ไม่ได้พูดอะไร ก็รู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงและความรักแล้วค่ะ
จะเห็นได้ว่า ภาษารักมีมากมายหลากหลายรูปแบบ
บางคนอาจจะชอบทุกข้อ หรือบางคนอาจจะถนัดบางข้อเป็นพิเศษ
บางครั้งการที่เราส่งภาษารักไม่ตรงกัน อาจจะทำให้คนรักของคุณคิดว่าเราไม่รักเขาก็ได้
ยกตัวอย่างเช่น ชายหนุ่มคนหนึ่งคอยไปรับไปส่งแฟนสาวที่ทำงานเสมอ เป็นธุระ ซื้อของมาฝาก ดูแลทุกอย่าง แต่แฟนสาวถามตลอด ว่าเขารักเธอไหม ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่เคยตอบเลยว่ารัก เพราะคิดว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด ทำให้แฟนสาวน้อยใจ คิดว่าแฟนหนุ่มไม่รักเธอ ทั้งที่จริงๆชายหนุ่มรักแฟนสาวมากๆก็เป็นได้
หรือในบางครอบครัว คุณพ่อคุณแม่ อาจจะพยายามตั้งใจทำงานอย่างหนัก เพื่อหารายได้มาดูแลลูกๆ ซื้อของเล่นให้ลูก ทำให้บางทีอาจไม่ค่อยมีเวลาคุณภาพกับลูก จนลูกรู้สึกได้ว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่รัก เพราะจริงๆแล้วลูกคนนี้ ต้องการเวลาคุณภาพที่คุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วยกันกับเขา ทำกิจกรรมร่วมกับเขา หรือโอบกอด สัมผัสเขา
เพราะรักมีหลายภาษา เราอาจจะต้องลองสังเกตหรือถามคนรักว่าเขาชอบแบบไหนเป็นพิเศษ เพื่อสื่อภาษารักให้ตรงกัน ความรักของเราก็จะได้ส่งไปถึง และภาษารักของเราจะได้ตรงกัน
แล้วคุณล่ะคะ มีภาษารักของตัวเองอย่างไรบ้าง ตัวคุณเองชอบแบบไหน คนที่คุณรักชอบแบบไหน ลองใช้วิธีไหนแล้วเวิร์ค หรือมีประสบการณ์แบบไหน มาแชร์กันได้นะคะ รออ่านของทุกคนเลยค่า
บทความโดย พ.ญ.ปิยพร เตชะมณีสถิตย์
เรียนรู้วิธีส่งความรักในเชิงบวกได้ที่ www.netpama.com โปรแกรมออนไลน์ฟรีๆ ที่จะพาทุกๆท่านเรียนรู้วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในครอบครัวของคุณเอง ลองลงทะเบียนได้เลย !
