window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-HT69D45H8X');
มาดูวัยเด็กของคนแต่ละ Gen กัน
เมื่อ 5 เดือนที่แล้ว

มาดูวัยเด็กของคนแต่ละ Gen กัน


ใกล้ถึงวันเด็กแล้ว หลายๆคนในเฟสบุคเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นรูปสมัยเด็ก น่ารักมากๆครับ

มันรู้สึกอบอุ่นและสบายใจขึ้นมาเหมือนกันนะ เมื่อเราได้พาตัวเองกลับไปสัมผัสกับวัยเด็กของเราอีกครั้งหนึ่ง

วัยเด็กของคนแต่ละยุคนั้นก็แตกต่างกันไปบทความนี้จะพูดถึงหัวข้อ


วัยเด็กของคนแต่ละ generation ของคนไทยแตกต่างกันยังไง อะไรหล่อหลอมให้พวกเขาเติบโตมามีค่านิยมแบบปัจจุบัน


การแบ่งรุ่นของมนุษย์เป็น generation โดยอิงตามเหตุการณ์สำคัญๆของโลก ทำให้แบ่งแต่ละ generation โดยช่วงระยะเวลาประมาณ 15 ปีเป็นการแบ่งคร่าวๆที่นิยมทำให้หลายๆประเทศครับ เริ่มกันที่


Generation Builder , Silent Generatiin เกิด พ.ศ.2471 - 2488 เป็นคนรุ่นที่ได้อยู่ในเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตรงตั้งแต่วัยเด็ก ปัจจุบันเป็นผู้สูงอายุทั้งหมด เนื่องจากประสบการณ์การผ่านความยากลำบากอย่างสาหัสมาตั้งแต่วัยเด็ก พวกเขาจึงให้คุณค่ากับความอดทน อดออม และสอนลูกหลานด้วยค่านิยมเดียวกันนี้


Generation Baby boom เกิด พ.ศ.2489  - 2507 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไม่ทันไรก็ต่อด้วยสงครามเย็นทันที ความขาดแคลนจึงยังคงอยู่ในหลายๆพื้นที่ ดังนั้นการรู้จักประหยัด อดออม อดทน จึงเป็นคุณสมบัติที่เด็กกลุ่มนี้เรียนรู้และซึมซับมาจากรุ่นพ่อแม่ ความฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่ายนับเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจต่อให้คนคนนั้นมีเงินมากพอ เพราะในยุคนั้น การที่คนคนหนึ่งกินอิ่มจนล้น แต่คนอื่นต้องอด ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ดี สิ่งบันเทิงของคนรุ่น baby boom ในสมัยนั้นสื่อโทรทัศน์ยังไม่ได้แพร่หลายมากนักเมื่อพวกเขาเป็นเด็ก เด็กๆ baby boom จึงมีแนวโน้มจะเล่นด้วยกัน หรือเล่นกีฬามากกว่า

ลองถามคุณปู่ของแต่ละคนดูครับ มีไม่น้อยเลยที่เคยเป็นนักกีฬาของโรงเรียน คุณย่าอาจจะเคยประกวดสาวงามก็ได้นะ


ในยุคนั้นบริษัทห้างร้านมีน้อย การหางานทำได้ยาก ถ้าได้งานแล้วก็จะต้องเกาะงานของตนไว้ให้เหนียวแน่น และเนื่องจากบริษัทห้างร้านมีน้อยนี้เอง การจะหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมาใช้บริโภคก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  ถ้าเจอยี่ห้อที่ใช่แล้วก็มักจะไม่เปลี่ยน  ทำให้คน gen นี้มีคุณสมบัติคือมี brand royalty สูง ทั้งต่อสินค้า และต่อองค์กรของตัวเอง และเนื่องจากการยึดมั่นในหน้าที่นี้เอง ส่วนใหญ่ผู้ชายมักจะทำงานเดิมไปจนเกษียณ ผู้หญิงมักจะดูแลบ้านและเลี้ยงลูกๆไปตลอด

 คน Gen baby boom มักเกิดความตึงเครียดขึ้นหากพบว่าองค์กร สถาบันที่ตนเองก่อร่าง สร้างขึ้นมา กลับกลายเป็นมีความไม่มั่นคงและเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากในมือของคนรุ่นใหม่


Generation X เกิด พ.ศ. 2508 - 2523 เมื่อโลกมีการฟื้นตัวและพัฒนามากขึ้น คน generation นี้อยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านสังคมเทคโนโลยี เริ่มมีโทรทัศน์แพร่หลายไปทุกครัวเรือน ทุกคนได้เข้าโรงเรียน ทำให้เมื่อจบออกมา ทั้งผู้ชายและผู้หญิงได้ทำงานประจำทั้งหมด ผู้หญิงไม่ได้เป็นแม่บ้านอย่างเดียว ภาพของสาวออฟฟิศจึงมากขึ้นในยุคนี้

 

เมื่อเด็กๆ generation X เข้าสู่วัยรุ่น พวกเขาต้องประสบกับวิกฤตการณ์ทางการเมืองของไทยหลายครั้ง มีการประท้วง การเดินขบวนเพื่อปรับรูปแบบของประเทศ คนใน generation นี้ปรับตัวเข้าสู่สังคมได้เก่ง ชอบการประนีประนอมไว้ก่อน มีงานวิจัยของ Howe & Strauss พบว่าคนใน generation นี้อาจมีทักษะทางอาชีพไม่ได้สูงล้ำเท่ากับ baby boom แต่กลับมีทักษะทางสังคม และการเจรจาที่เก่งกว่า , คน Gen X มุ่งความสนใจมาที่การสร้างครอบครัวที่ดี มากกว่าการทำงานแล้วได้ตำแหน่งสูงๆ  เมื่อคน generation นี้เริ่มเข้าสู่วัยทำงานและเริ่มสร้างฐานะ ประเทศไทยก็พบกับวิกฤติต้มยำกุ้ง พ.ศ. 2540 ที่กระทบไปทั้งระบบเศรษฐกิจ แต่คน Gen X ก็สามารถปรับตัวและผ่านพ้นวิกฤติมาได้ ด้วยทักษะการปรับตัวและการประนีประนอมที่ดี


ความตึงเครียดที่คน Gen X ต้องเจอ มักยึดโยงอยู่กับการพยามรักษาคุณภาพครอบครัวไว้ให้ดี แต่เมื่อไม่เป็นไปตามภาพที่วางไว้ เพราะคนรุ่นลูกมักคิดว่าปัญหามีไว้พุ่งกระแทก Gen X มักจะพยายามประนีประนอมทุกทางเพื่อรักษาความปรองดองไว้


Generation Y , Millennials เกิด พ.ศ. 2524 - 2539 เป็นยุคที่เทคโนโลยีเริ่มค่อยๆพัฒนา ก่อนจะก้าวกระโดด ผู้เขียนเองก็เกิด Gen นี้แหละ


เด็กๆ Gen นี้ได้รับการศึกษาขึ้นพื้นฐานกันทุกคน แต่การแข่งขันในโรงเรียนดูจะเข้มข้นขึ้น โรงเรียนกวดวิชาเริ่มแพร่หลายก็ยุคนี้เอง ในตอนนั้นรูปแบบความบันเทิงอิเล็คทรอนิคเริ่มมีเข้ามาแล้ว แต่ความบันเทิงต้องรอคอย เช่น รอชมละครเรื่องโปรดเมื่อถึงเวลา ระหว่างโฆษณาก็ต้องนั่งดูโฆษณา  เกมคอมพิวเตอร์เริ่มเข้ามา แต่ก็ต้องรอคิวร้านอินเตอร์เน็ต เด็กๆ gen นี้เริ่มสัมผัสได้ว่ามีบรรยากาศการแข่งขันสูงอยู่รอบตัว และรับรู้ได้ว่าผู้ใหญ่ต้องพบกับวิกฤติบางอย่างในปี 2540 คนยุคนี้มีแนวโน้มที่จะชอบความแตกต่าง ทั้งการสร้างอัตลักษณ์ตัวเอง ดังนั้นการเสพสื่อบันเทิง หรือผลิตภัณฑ์ก็มีแนวโน้มจะชอบอะไรแปลกใหม่  และให้ความสำคัญกับ work life balance คน Gen นี้ปัจจุบันเป็นแรงงานหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสังคม

แล้วคน Gen Y ต้องพบเจอกับความตึงเครียดอะไรบ้าง ?


ความแน่นอนที่ไม่แน่นอน ถึงแม้เทคโนโลยียุคปัจจุบันจะทำให้ชีวิตสะดวกมากขึ้น อะไรหลายๆอย่างดูจะมั่นคง แต่ก็มีความไม่มั่นคงแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด วิกฤติทางการเมือง วิกฤติทางเศรษฐกิจ คน Gen นี้จึงหันมาเป็นสายมูเตลูกันซะก็เยอะ 


sandwich generation คน Gen นี้นอกจากทำงานเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองแล้ว แต่ด้วยรัฐสวัสดิการที่ไม่ทั่วถึง จึงต้องแบ่งรายได้มาดูแลพ่อแม่ด้วย บางคนมีบุตรก็ต้องแบ่งค่าใช้จ่ายมาเลี้ยงบุตร ด้วยภาพความกดดันเช่นนี้บวกกับเบื่อหน่ายบรรยากาศแข่งขันสูงที่ตัวเองเจอตอนเป็นเด็ก คน Gen Y ในหลายๆประเทศจึงเลือกที่จะไม่มีบุตร ทำให้พีระมิดประชากรเริ่มกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุ


Generation Z , Native technology เกิด พ.ศ. 2540 - 2555 เด็กใน generation นี้เกิดมากับเทคโนโลยีที่พรั่งพร้อม โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้เริ่มแพร่หลายไปทุกครอบครัว จึงโดนพ่อแม่ชวนถ่ายรูปตั้งแต่ก่อนเริ่มพูดได้ เมื่อโตขึ้นเด็กๆ Gen Z มีความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยี การแสวงหาข้อมูลและเปรียบเทียบข้อมูล ความบันเทิงของเด็ก Gen นี้ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป อยากดูละครเรื่องโปรดก็เข้า streaming ได้ทุกเมื่อ การสื่อสารและโซเชี่ยลมีเดียบูมมากในยุคนี้  ตามมาด้วยการสั่งสินค้าตลาดออนไลน์ เด็ก Gen Z รู้ว่าถ่ายรูปยังไงให้ออกมาดี รู้ว่าจะทำคอนเม้นต์ออนไลน์ยังไงให้ออกมาปัง มีความสามารถด้านการทำอะไรหลายๆอย่างพร้อมกัน (multitask) นั่นก็เพราะรูปแบบสังคมผลักดันให้พวกเขาทำแบบนั้น

ปัจจุบันคน Gen Z ที่เกิดต้น Gen คือช่วง พ.ศ. 2540 มีอายุประมาณ 25 ปีแล้ว กำลังเข้าสู่วัยหางาน และด้วยความสามารถในการเปรียบเทียบข้อมูลนี้เอง คน Gen Z จึงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนงานที่มองว่าให้ผลตอบแทนน้อยกว่า ทำให้ work life balance น้อยกว่า ไปสู่ที่ทำงานใหม่ที่ดีกว่า และมีแนวโน้มที่จะแก้ปัญหาด้วยการเผชิญหน้าตามหลักการที่ตัวเองมองว่าถูกต้อง

เมื่อเปรียบเทียบกับคนยุค baby boom จึงดูเหมือนคน Gen Z นั้นช่างตรงข้ามกับพวกเขา เพราะทั้งไม่มี brand royalty , ไม่อดทน และไม่ค่อยประนีประนอมเหมือนกับคน Gen Y


Generation Alpha เกิดหลัง พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา  ปัจจุบันยังไม่มีคาแรคเตอร์ของ generation นี้ชัดเจน แต่คาดว่าจะมีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีจะพัฒนามากขึ้นไปอีก


แล้ววิกฤติที่คน Generation Z และ Alpha ต้องเจอมีอะไรบ้าง?


Social media based life & nothing privacy ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นแต่ดูเหมือนเวลาชีวิตเราจะลดลง คน generation นี้คุ้นชินกับการใช้ชีวิตส่วนหนึ่งในโซเชียลมีเดียนั่นทำให้เขาต้องใช้เวลาไปกับเรื่องพวกนี้มาก มีเวลากับตัวเองน้อยลง และข้อมูลส่วนตัวก็รั่วไหลออกไปเช่นกัน


Poorest generation in history เนื่องจากที่ดินมีจำกัด แต่ประชากรมีมากขึ้น การซื้อบ้านเป็นของตัวเองของ Gen นี้จึงยากกว่าเมื่อยุคของ baby boom และ Gen X มาก


Snowflake generation เป็นคำกระทบกระเทียบที่เริ่มแพร่หลายในอังกฤษ ยุโรป อเมริกาเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พูดถึง generation นี้ว่ามีความสวยงาม บอบบาง น่าทนุถนอมเหมือนเกล็ดหิมะ แต่ก็อ่อนไหวมาก ถูกวิจารณ์ไม่ได้และล้อเลียนไม่ได้โดยเฉพาะท่ามกลางค่านิมยุคปัจจุบันที่ไม่ยอมรับการล้อเลียนรูปร่างหน้าตา สีผิว เชื้อชาติ ซึ่งกำลังมาแรง...


การแบ่งแต่ละ generation  ทุกๆ 15 ปีนี้เป็นแค่การแบ่งคร่าวๆเท่านั้นครับ เด็กที่เกิดในปี 2539 กับ 2540 นิสัยก็อาจจะไม่ได้ต่างสุดขั้วเสียทีเดียว

  

ค่านิยมของแต่ละ generation เกิดจากการหล่อหลอมของสภาพแวดล้อมรอบตัว เราก็ได้แต่คาดเดากันไปว่าเด็กที่เกิดรุ่นหลังๆจะมีค่านิยมในทิศทางไหน อาจจะเป็นความ ไม่ยึดติดกับอะไรมากขึ้นไปอีก หรือไม่แน่....โลกอาจจะเหวี่ยงเหตุการณ์บางอย่างมา ที่ทำให้ Generation Alpha และ Geneneration หลังจากนั้นยึดถือค่านิยมรักในองค์กร และ brand loyalty มากขึ้น และมองว่าการไม่ยึดติดของ Gen Y , Z เป็นสิ่งไม่น่าพิศมัยก็เป็นได้


ยังมี Generation พิเศษอีก Generation ที่หลายๆองค์กรทางเศรษฐกิจจัดกลุ่มขึ้น นั่นคือ

Generation C (connectedness) Generation นี้ไม่อิงตามปีเกิด แต่มองจากความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร การซื้อสินค้า และบริการทางออนไลน์ได้ Generation นี้มักเชื่อมต่อกับความเป็นไปของโลกเสมอ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ คนที่เกิดใน Generation Baby boom ก็สามารถถูกจัดอยู่ใน gen นี้ได้เช่นกันหากปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีปัจจุบันได้ครับ


บทความนี้ผมมุ่งหวังว่าอาจจะทำให้เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างวัยมากขึ้นไม่มากก็น้อย


การพูดถึงวันเวลาเก่าๆมันอาจกำลังตอบสนองความรู้สึกโหยหาวันวานอันหอมหวาน สนุกสนานและสงบสุขในวัยเด็กของเราอยู่ก็เป็นได้


วัยเด็กของแต่ละคนเป็นยังไง เรื่องราวในวันวานของแต่ละคนเป็นแบบไหน ผมเชื่อว่าหลายๆคนมีเรื่องราวที่น่าสนใจเก็บเอาไว้ และวัยเด็กหล่อหลอมเรายังไง มาแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้กันครับผม


บทความโดย หมอ Triquetra


ติดตามข่าวสาร/สอบถามเพิ่มเติม เกี่ยวกับ Net PAMA ได้ทาง

FB: Net PAMA: เน็ต ป๊าม้า

NET PaMa