window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-HT69D45H8X');
เทคนิคเรียนออนไลน์อย่างไรให้มีความสุขทั้งพ่อแม่และลูกรัก
เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
ตอนนี้พ่อแม่หลายท่านก็คงจะเริ่มปรับตัวกับทำงานแบบ Work From Home ได้แล้วเนื่องจากสถานการณ์โควิดปัจจุบันที่แพร่ระบาดมาสักพักใหญ่ส่งผลให้หลายๆอย่างต้องมาในรูปแบบออนไลน์ แต่สำหรับลูกรักของเรา โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ที่ไม่สามารถไปโรงเรียนเหมือนปกติ อาจต้องการการปรับตัวที่มากกว่าพ่อแม่อย่างเรา
.
สุขภาพกายก็น่าเป็นห่วง แต่พ่อแม่ต้องไม่ละเลยที่จะใส่ใจสุขภาพใจของลูกรักด้วย การเรียนออนไลน์ทำให้ลูกไม่สามารถพบเจอเพื่อนๆ หรือเข้าสังคมได้ ซึ่งอาจทำให้ลูกรักเกิดความเครียดและไม่มีความสุขกับการเรียนออนไลน์ วันนี้เน็ตป๊าม้าได้รวบรวมทริคจาก "ครูหม่อม" หรือ ผศ.ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร ผู้เชี่ยวชาญด้าน EF และการเลี้ยงลูกเชิงบวกสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล มาฝากกันค่ะ 
.
ครูหม่อมได้แนะนำเคล็ดไม่ลับ “ 3 เตรียม ในการเรียนออนไลน์ให้มีความสุขที่สุดกับทั้งพ่อแม่และลูกรัก ”
ใน Facebook Live ทางเพจ Net PAMA เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมาซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
.
เตรียมแรกคือการเตรียมเวลา 
ไม่ว่าจะลูกเล็กหรือลูกโต การมีส่วนร่วมกันในครอบครัวถือเป็น Keyword หลัก  เตรียมเวลาด้วยการจัดเวลาร่วมกัน ยกตัวอย่างเช่น พรุ่งนี้ลูกมีเรียนออนไลน์เวลาไหนเรียน ก่อนจะเริ่มเรียนทำอะไร เสร็จแล้วทำอะไร พ่อแม่จะอยู่ตรงไหนเวลาที่ลูกเรียนออนไลน์ เป็นต้น เพราะลูกจะได้รู้ว่าช่วงเวลานี้ต้องทำอะไรและช่วงเวลานี้พ่อแม่อยู่ที่ไหน ซึ่งการที่ลูกรู้ว่าจะสามารถไปหาพ่อแม่ได้ที่ไหนในขณะเรียนออนไลน์เป็นการสร้างเสริมความมั่นคงทางจิตใจให้กับลูก ถ้าหากเป็นไปได้พ่อแม่ที่มีลูกเล็กควรอยู่กับลูกระหว่างที่ลูกเรียนออนไลน์ด้วยไม่เพียงเพื่อความมั่นคงทางจิตใจแต่ยังเพื่อความปลอดภัยของลูกอีกด้วย
.
เตรียมต่อมาคือ เตรียมตัว
กินให้อิ่นนอนให้เพียงพอเพื่อที่ร่างกายจะพร้อมสำหรับการเรียนออนไลน์ที่สุด และเตรียมสุดท้ายก็คือการเตรียมใจ การให้ลูกมีส่วนร่วมในการจัดตารางเวลานอกจากจะเพิ่มพูนความมั่นคงทางจิตใจให้กับลูกแล้วยังช่วยให้ลูกมีสมาธิจดจ่อกับการเรียนมากขึ้นอีกด้วย
.
เตรียมสุดท้ายคือ เตรียมใจ
สุดท้ายนี้ครูหม่อมก็ฝากคำแนะนำเพิ่มเติมให้กับพ่อแม่ว่า การสื่อสารกันในครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญ
เนื่องจากตอนที่พ่อแม่และลูกต้องใช้เวลาอยู่ที่บ้านด้วยกันลูกมีโอกาสที่จะถูกปฏิเสธจากพ่อแม่มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อลูกเรียนอยู่แล้วรู้สึกเหงาลูกวิ่งไปหาพ่อแม่ พ่อแม่ก็จะปฏิเสธลูกด้วยคำว่า “อย่าเพิ่ง” เป็นต้น 
.
24 ชั่วโมงที่เราอยู่ด้วยกันนั่นคือโอกาสที่ลูกจะถูกปฏิเสธมากขึ้นดังนั้นการเตรียมเวลาจัดตารางเวลาร่วมกันแล้วใช้สิ่งนี้ในการคุยกับลูก จะช่วยให้ลูกโดยเฉพาะเด็กเล็กเข้าใจและมีความหวัง เช่น เหนื่อยใช่มั้ยลูก ทำอันนี้เสร็จก็จะได้เล่นด้วยกันแล้ว เป็นต้น
.
และสำหรับพ่อแม่ที่มีลูกที่โตแล้วการจัดตารางเวลาร่วมกันก็จะช่วยให้พ่อแม่เข้าใจลูกมากขึ้น และยังสามารถช่วยให้พ่อแม่หลีกเลี่ยงการบ่นโดยไม่จำเป็นที่จะไปสร้างความทุกข์กับลูกได้
.
แม้ใช้ชีวิตให้เหมือนปกติในช่วงนี้จะยากกับทั้งพ่อแม่และลูก แต่ทุกคนก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์ ทั้งนี้เน็ตป๊าม้าก็หวังว่าในอนาคตอันใกล้เด็กๆจะสามารถไปโรงเรียนได้เหมือนปกติ พ่อแม่จะสามารถไปทำงานนอกบ้านได้อย่างปลอดภัย จนกว่าจะถึงเวลานั้นเน็ตป๊าม้าขอเป็นกำลังใจให้ทุกบ้านและขอให้ทุกคนปลอดภัยค่ะ

ภาพประกอบโดย พรรษมนต์ ศุภจารีรักษ์
NET PaMa