แม่ฟูลไทม์..ไม่ได้มีชีวิตที่ง่ายและสบายอย่างที่ใครคิด
เพิ่มพลังในการรักตัวเองให้กับแม่ Fulltime
บทความโดย มัมมี่Bชวนเมาท์
“ทำไมไม่ทำงาน สบายจังนะ เลี้ยงลูกอยู่บ้านเฉยๆ”
“เรียนจบมาก็สูง ไม่เสียดายความรู้บ้างเหรอ”
“มองไปรอบตัว ทำไมคนอื่นดูมีความสุขกันนักนะ แล้วอนาคตของฉันล่ะ ?”
แม่ Fulltime คือแม่ที่ตัดสินใจที่จะยอมแลกสิ่งที่เธอมีอยู่ ไม่ว่าจะรายได้ สังคม อิสระหรือแม้แต่ความสุขของตัวเอง เพื่อให้ลูกได้เติบโตไปอย่างมีความสุขและเป็นคนที่มีคุณภาพในสังคม เธอเต็มใจที่จะทุ่มเทเวลาทั้งหมด เพื่อสร้างสายสัมพันธ์และความมั่นคงในใจให้กับลูก เพราะเวลาที่ลูกต้องการจากแม่นั้นไม่อาจซื้อได้ด้วยเงิน
แต่ในโลกความเป็นจริงของแม่ Fulltime ไม่ได้สวยงามดังภาพฝัน หากไม่มีคนช่วย แม้แต่เวลาจะกินข้าวหรืออาบน้ำของแม่อาจยังแทบจะไม่มี เหนื่อยแทบขาดใจแต่ก็ยังไม่มั่นใจว่า เรามีสิทธิ์พอที่จะเรียกร้องบ้างได้ไหม
“เลี้ยงลูกทำงานบ้านคนเดียว เหนื่อยและเหงามาก ยิ่งสามีออกไปทำงาน กลับบ้านค่ำไม่มีเวลาให้ครอบครัวยิ่งโดดเดี่ยว อยากให้คนรอบข้างเข้าใจให้กำลังใจ หรือช่วยแบ่งเบาบ้าง ”
หลายครั้งความรู้สึกเหนื่อย เศร้า โดดเดี่ยว เหงา ท้อแท้ สิ้นหวัง มักจะผ่านเข้ามากระทบจิตใจแม่ การต้องแบกรับคำพูดคนที่ไม่เข้าใจ ความกดดันจากรอบข้าง รวมถึงวิตกกังวลกับความไม่แน่นอนในชีวิต อาจทำให้แม่ Fulltime เผลอสงสัยในคุณค่าของตัวเอง
ยิ่งเสียสละเท่าไหร่ อาจยิ่งกลายเป็นความคาดหวัง และเมื่อไม่ได้รับสิ่งนั้นโดยเฉพาะจากลูกและคนใกล้ตัว อาจทำให้แม่ผิดหวังและไม่สามารถถอนตัวออกจากอารมณ์ลบที่ถาโถม หากไม่สามารถระบายกับใครได้ อาจกลายเป็นอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดทุกเวลา หรืออาจเก็บกดจนกลายเป็นความซึมเศร้า
“เพราะแม่…เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง”
ทฤษฎีของ มาสโลว์ ได้อธิบายเรื่อง ความต้องการของมนุษย์ว่า สิ่งที่คนๆหนึ่งต้องการตามลำดับคือ ความต้องการพื้นฐานทางร่างกาย ต้องการความมั่นคงปลอดภัย ต้องการความรักและสังคม ต้องการได้รับการยกย่องและความนับถือในตนเอง รวมถึงความต้องการพัฒนาศักยภาพของตนเอง
แม่ Fulltime อย่างพวกเราก็ต้องการสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
และนี่คือข้อแนะนำที่จะช่วยฮีลใจแม่ Fulltime ได้ ดังนี้
- เชื่อมั่นในเป้าหมายของเรา เพราะเราควบคุมความคิดและคำพูดคนอื่นไม่ได้ หากหวั่นไหวขอให้มันอยู่กับเราเพียงชั่วคราว ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใครโดยเฉพาะกับคนที่ไม่เข้าใจและมีเป้าหมายต่างจากเรา
- บันทึกชื่นชมตัวเอง หรือเรื่องที่น่าดีใจในทุกๆวัน ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น วันนี้ลูกชมแม่ทำข้าวอร่อย พัฒนาการก้าวหน้าทุกวันของลูก ลูกบอกรัก และสามารถบันทึกนี้นำมาย้อนอ่านเป็นกำลังใจในวันที่เหนื่อยล้า
- หาเวลาออกกำลังกายทุกวัน อย่างน้อยน้อยวันละ 30 นาที เพื่อผ่อนคลายความเครียด หากไม่มีเวลาให้กระโดดหรือวิ่งเล่นไปกับลูกให้ได้เหงื่อก็ได้
- หาสังคมใหม่ๆ ให้ตัวเอง อาจทำได้โดยพาลูกเดินเล่นในหมู่บ้านเพื่อหาสังคมแม่ด้วยกัน เพื่อพบปะพูดคุย เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
- คนรอบข้าง โดยเฉพาะ “พ่อ”คือกองหนุน เป็นกำลังใจสำคัญของแม่ “เหนื่อยไหม ขอบคุณมากนะที่ช่วยพ่อดูลูก ให้พ่อช่วยแม่พักบ้างนะ “ เหล่านี้มีค่าต่อใจแม่มากๆ หากช่วยไม่ได้เพียงเข้าใจและไม่พูดกดดันก็อาจถือเป็นการช่วยทางอ้อมอย่างหนึ่ง
- มีเวลาส่วนตัวเพื่อทำกิจกรรมที่แม่ชอบและพัฒนาตัวเอง เช่น ดูซีรี่ย์ อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย ทำสวน เดินเล่น แต่งตัว แต่งหน้า ทานอาหารที่เราชอบ เพื่อเติมพลังกายและใจให้กับตัวเอง ทำได้โดยการลดเวลาทำงานบ้านบางอย่างลงบ้าง คนรอบข้างโปรดเข้าใจ บ้านที่มีเด็กเล็กไม่จำเป็นต้องเป็นเรียบร้อยในทุกวัน
- ทุกอาชีพต้องการวันหยุด ไม่มีข้อยกเว้นแม้อาชีพแม่ เมื่อต้องการพัก แม่ควรเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ วางใจฝากลูกให้คนที่เราไว้ใจเพื่อให้แม่ได้พักบ้าง
- หมั่นทบทวนสำรวจจิตใจและอารมณ์ของตัวเองอยู่เสมอ แม่ที่มีความสุขและมีความมั่นคงทางใจ จึงจะสามารถส่งต่อความสุขให้กับลูกได้ ในวันที่แม่เหนื่อยมากจนไม่มีความสุข หากพยายามทำทุกวิธีแล้วไม่ดีขึ้น อาจต้องทบทวนตัวเองว่าการเลือกที่จะเป็นแม่ Fulltime นั้นเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆ หรือไม่ อย่าลังเลที่จะปรึกษาคนที่เราไว้ใจหรือขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหากต้องการความช่วยเหลือ
ในบางครั้งแม่อาจสงสัยในคุณค่าของตัวเอง แต่ขอให้แม่รู้ไว้ว่า
“คุณค่าในสิ่งที่แม่ทำเพื่อลูกนั้นไม่เคยหายไป และยังคงส่งถึงใจของลูกเสมอ “
Net PAMA ขอเป็นเพื่อนเป็นกำลังใจให้คุณแม่ทุกท่านนะคะ
สำหรับคุณแม่ที่มีข้อสงสัยในการเป็นแม่ที่ดีพอแบบพอดี สามารถชม live ของ netpama ได้จาก link
Net PAMA Live : 'Good Enough Mothers' แม่ที่ดีพอแบบพอดีเป็นอย่างไร ?
และหากคุณพ่อแม่ท่านใดต้องการตัวช่วยในการเลี้ยงลูกเชิงบวก สามารถมาเรียนได้ฟรีๆ ที่ คอร์สเรียนจัดเต็มของ Net PAMA นะคะ มีทั้งคลิปละคร เข้าใจง่าย และมีแบบฝึกหัดให้ลองทำได้ความรู้ที่ใช้ได้จริงกลับไปแน่นอนค่ะ ♥️
