ไม่จำเป็นต้องทิ้งความสุขของเราเพราะต้องเอาลูกมาก่อน เพราะลูกก็พร้อมเข้าใจและอยากให้เราเป็นพ่อแม่ที่มีความสุขเหมือนกัน
เมื่อ 1 วันที่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องทิ้งความสุขของเราเพราะต้องเอาลูกมาก่อน เพราะลูกก็พร้อมเข้าใจและอยากให้เราเป็นพ่อแม่ที่มีความสุขเหมือนกัน – message สุด fulfill ใจจากลูกสู่พ่อแม่ (เลี้ยงเดี่ยว) จากหนังครอบครัวภาคต่อที่พวกเรารอคอย ‘Freakier Friday’
หลังจากที่รอคอยกันมายาวนานหลายปี ในที่สุดหนังครอบครัวภาคต่อยอดฮิตยุค 2000 อย่าง Freaky Friday (วันศุกร์สุดสยอง) ที่นำแสดงโดยดาราชั้นนำอย่าง Lindsay Lohan (ลินด์ซี่ย์ โลฮาน) และ Jamie Lee Curtis (เจมี่ ลี เคอร์ติส) ก็ได้กลับมาและเพิ่งถูกฉายไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมาในชื่อใหม่ว่า “Freakier Friday (ศุกร์สยอง สี่ร่างสลับรุ่น)” ทำเอาเอฟซีตัวยงอย่าง #คุณนายข้าวกล่อง ต้องรีบกดตั๋วหนังเพื่อเข้าโรงไปดูตั้งแต่วันแรกกันเลยทีเดียว
.
ซึ่งนอกจากว่าหนังจะสนุก ตลก ซาบซึ้ง ปลื้มปริ่ม และอิ่มเอมใจเอฟซีอย่างเรามาก ๆ แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ส่วนตัวรู้สึกชอบมากจนคิดว่าน่าแชร์สำหรับพวกเราชาวผู้ปกครอง โดยเฉพาะผู้ปกครองที่เป็น #พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็คือ หนังในภาคนี้แม้จะยังคงคอนเสปต์ในเรื่องของการ ‘สลับร่าง’ ระหว่างแม่ลูกเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เป็นการสลับร่างในบริบทครอบครัวที่ต่างกันออกไป ที่ตัวแอนนาไม่ได้สลับร่างกับลูกสาวแท้ ๆ จากคุณสามีเก่าที่เลิกรากันไปแล้วหรือ ‘ฮาร์เปอร์’ อย่างเดียว แต่คุณยายเทสก็ดันเข้าร่วมจอยปาร์ตี้สลับร่างนี้ไปด้วย โดยโชคชะตาเธอถูกกำหนดให้ต้องไปสลับร่างกับลูกสาวผู้มากับแฟนใหม่ของแอนนาอย่าง ‘ลิลลี่’ ด้วย
.
หรือถ้าให้พูดโดยสรุปก็คือ เป็นการสลับร่างของการ reform ครอบครัวใหม่ ที่คุณพ่อหม้ายและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้ตัดสินใจร่วมกันมีครอบครัวใหม่อีกครั้ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีลูกกันแล้วทั้งคู่
.
จากพล็อตสั้น ๆ แค่นี้ แม้ว่าส่วนตัวเชื่อว่าหลายคนคงมองว่าหนังเรื่องนี้คงน่าสนุกไม่น้อย แต่หากลองจินตนาการว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราเอง....เชื่อว่าผู้ปกครองหลายคนคงสนุกไม่ออกเหมือนกัน เพราะเราก็คงไม่แน่ใจสักเท่าไหร่เหมือนกันว่า ‘แล้วลูกล่ะ? ลูกเราจะโอเคกับความรักใหม่ หรือพ่อ/แม่ใหม่ของเราไหม?’แล้วเราควรจะตัดสินใจอย่างดี ระหว่างเลือกความสุขของตัวเอง หรือเลือกความสุขของลูกเราก่อน?
.
หนังเรื่องนี้จะนำพาพวกเราไปทำความเข้าใจถึงมุมมองและความรู้สึกของแต่ละคนต่อการปรับตัวสู่การมีครอบครัวใหม่ รวมถึงเข้าใจมุมมองและความรู้สึกลึก ๆ ของลูก ๆ เราด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าหากพวกเราชาวผู้ปกครองได้เข้าใจความคิดความรู้สึกของลูกจริง ๆ สิ่งนี้อาจสามารถช่วยปลดล็อคเราและทำให้เราตัดสินใจในเรื่องการมีครอบครัวใหม่ได้อย่างง่ายขึ้นมาก.....มากเสียจนมันสามารถ fulfill ความรู้สึกเป็นห่วงหรือความรู้สึกผิดในใจของพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนมากจริง ๆ
.
ซึ่งคำตอบจะเป็นอย่างไรนั้น...เรามาดูกันเลยค่ะ
.
[เนื้อหาหลังจากนี้มีการสปอยล์]
.
หลังจากที่แอนนาและคุณพ่อหม้าย ‘เอริค’ คบกันเป็นแฟนมาแล้วสักพักจากที่ได้พบกันที่โรงเรียนของลูกสาวทั้งสอง (เพราะเด็ก ๆ เป็นคู่อริกันและสร้างเรื่องทะเลาะจนทั้งคู่ต้องมาคุยในฐานะผู้ปกครองเด็ก) ทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน และมีแพลนว่าจะไปใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ของตัวเองที่บ้านเกิดสามีใหม่ที่ลอนดอน ซึ่งการตัดสินใจก็ทำให้สาว ๆ ทั้งสองไม่พอใจเอามาก ๆ เพราะคนนึงก็ไม่อยากย้ายไปลอนดอน เพราะชอบชีวิตการเป็นสาวแอลเอ ที่มอบมหาสมุทรให้ชีเล่นเซิร์ฟได้ทุกวัน แถมได้อยู่กับคุณยายเทสสุดน่ารักด้วย ส่วนอีกคนแม้จะแอบดีใจที่ได้กลับไปบ้านเกิดเพราะเต็มไปด้วยแฟชั่นที่เธอรัก แต่เธอก็ไม่โอเคเหมือนกันที่จะต้องมีแอนนาและลูกสาวคู่อริกลับไปอยู่ด้วยเหมือนกัน
.
ความไม่เข้าใจกันของแต่ละคนเลยนำพามาให้แม่หมอเจน (Jen) แม่หมอผู้ซึ่งประกอบอาชีพอื่น ๆ นอกจากการเป็นแม่หมอด้วย ได้เจอแอนนา เทส และลูกสาวทั้งสองคน และสร้างปรากฎการณ์การสลับร่างกับพวกเธอทั้งสี่คนอีกครั้งก่อนที่งานแต่งคุณแม่แอนนาและพ่อเอริคจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน ซึ่งแม้ในตอนแรกต่างฝ่ายต่างไม่พอใจเอามาก ๆ ที่ฝั่งลูกต้องติดอยู่ในร่างของคุณแม่และคุณยายสุดแก่หงำเหงือก และฝั่งผู้ปกครองต้องติดอยู่ในร่างเด็กวัยรุ่นวัย 15 ปีที้ปิดกั้นให้พวกเธอไปกลับไปรับผิดชอบชีวิตการเป็นผู้ใหญ่ของตนเองได้ แต่สุดท้ายเด็กสาวทั้งสองก็แอบดีใจ เพราะพวกเธอเห็นว่าการสลับร่างที่นี้สามารถทำให้เกิด ‘การยกเลิกงานแต่งของพ่อกับแม่ตนเองได้’ พวกเธอจึงร่วมมือกันเพื่อล่มงานแต่งงานนี้ โดยคิดแผนด้วยการพาคนแอบชอบเก่าของแอนนาอย่าง ‘เจค’ กลับเข้ามาในชีวิตแอนนาอีกครั้ง เพื่อโชว์ให้เอริคเห็นว่าแอนนายังมีใจให้อดีตคนแอบชอบอยู่
.
แต่ในระหว่างการทำภารกิจ แรงจูงใจของการทำให้พ่อแม่เลิกกันที่แรงกล้าของทั้งคู่ก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ อย่างน่าประหลาดใจ เพราะกลายเป็นว่าสิ่งนี้ทำให้เด็ก ๆ ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ทำให้พวกเขาได้คุยกัน และได้เปิดเผยความในใจข้างในของแต่ละฝ่ายออกมามากขึ้น รวมถึงต่างฝ่ายต่างก็ได้รู้เรื่องราวความรู้สึกลึก ๆ ของพ่อและแม่ ทำให้เข้าใจความเจ็บปวดของพวกเขามากขึ้นเช่นกัน
.
#ความสัมพันธ์ของฮาร์เปอร์ Vs. แอนนาและเอริค
ในฝั่งของฮาร์เปอร์ นอกเหนือจากที่เธอจะเริ่มเปิดใจและรับฟังลิลลี่มากขึ้นแล้ว ฮาร์เปอร์เองก็ได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้วเอริครักแม่ของเธอมาก และแม่ของเธอก็รักมากเธอเหมือนกัน จากที่เอริคสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับแม่เธอได้ทุกข้อระหว่างการสัมภาษณ์ขอ Green Card รวมไปถึงข้อคำถามสุดท้ายที่ทำให้เธอรู้ว่าแม่เธอเป็นห่วงและใส่ใจความรู้สึกเธอแค่ไหน เพราะเธอก็เพิ่งรู้ว่าแม่เธอกลัวมากว่าเธอจะไม่เข้าใจและไม่รักเธอเหมือนกัน
.
“ฉันกลัวอะไรมากที่สุด” ฮาร์เปอร์ (ในร่างแอนนา) ถาม
“คุณกลัวว่าความรักที่คุณมีต่อฮาร์เปอร์ รวมถึงความอยากจะปกป้องเธอ จะทำให้ฮาร์เปอร์ยิ่งหนีห่างจากคุณ.... และเธอจะยิ่งหนีออกไปเล่นเซิร์ฟ หรือทำอะไรที่ไม่ดีอย่างไปสักรูปดวงอาทิตย์หรือเจาะสะดือ
แต่....ฮาร์เปอร์เป็นเด็กดี และคุณเองก็เป็นแม่ที่แสนวิเศษ ผมเชื่อว่าจะไม่มีเรื่องราวแบบนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” เอริคกล่าว
.
ยิ่งไปกว่านั้น ในวันถัดมา ระหว่างที่ฮาร์เปอร์ในร่างของแอนนากำลังไปเล่นเซิร์ฟ (แบบที่ฮาร์เปอร์ชอบทำอยู่ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน) อยู่ดี ๆ เอริคก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดว่ายน้ำและกระดานโต้คลื่น เพราะตัวเขาเองกับแอนนากำลังมีแผนที่จะฝึกเล่นเซิร์ฟเพื่อเซอร์ไพรส์ฮาร์เปอร์ แถมในช่วงเวลานั้นเองเอริคได้บอกแอนนาว่าเขาตัดสินใจเปลี่ยนแผนจากที่จะย้ายไปอยู่ลอนดอนมาอยู่กับแอนนาที่แอลเอแทน เพราะรู้สึกว่าการอยู่กับแอนนาและครอบครัวที่นี่มันอบอุ่นต่อเขาและลูกมากหลังจากที่พวกเขารู้สึก lost มานานหลังจากที่ภรรยาเก่าเสียไป การกลับไปอยู่ลอนดอนเลยคงไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมา แถมดีต่อตัวฮาร์เปอร์ด้วย สิ่งนี้เลยยิ่งทำให้ฮาร์เปอร์ในร่างแอนนาทำใจตัดความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับแฟนใหม่แม่คนนี้ไม่ลง เพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนดีสำหรับแม่ของเธอมากจริง ๆ
.
นอกจากนี้ อีกสาเหตุที่ฮาร์เปอร์ยิ่งใจอ่อนไม่กัดฟันตามแผนมากขึ้นก็เพราะเธอเริ่มเข้าใจว่าแม่แอนนารักเธอมาจริง ๆ จากที่เธอได้ลองเข้าไปทำงานของแม่ในฐานะผู้จัดการศิลปิน ที่ทำให้เธอค้นพบว่าแม่เธอยอมไม่ทำเพลงที่เธอรักต่อเพราะกลัวไม่มีเวลาอยู่กับเธอมากพอ รวมถึงท้ายที่สุดก็มารู้ว่าแม่เธอแอบแต่งเพลงเพื่อบอกรักเธอด้วย (ไม่ใช่บอกรักเจคอย่างที่ตนและลิลลี่เข้าใจแต่แรก) สิ่งนี้เลยยิ่งทำให้ฮาร์เปอร์กลับมาไฟเขียวกับการแต่งงานของแม่เธอและแฟนใหม่เอริคในที่สุด และทิ้งแผนการที่ได้สร้างมากับลิลลี่ จนลิลลี่รู้สึกแย่มากเพราะเหมือนโดนเพื่อนที่ไว้ใจหักหลัง
.
#ความสัมพันธ์ของลิลลี่ Vs. เอริคและเทส
ตัดภาพกลับมาที่เด็กสาวลอนดอนเนอร์ของเรา แม้ว่าแผนการนี้จะทำให้เธอเริ่มใจอ่อนและไว้ใจฮาร์เปอร์มากขึ้น จากที่ฮาร์เปอร์ก็ให้ความร่วมมือกับเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะกลับไปจีบเจคที่เป็นคนแอบชอบเก่าของแม่แอนนา (ที่ท่วงท่าในการจีบจะน่าขันและน่าอายมาก) หรือยอมให้เธอจับแต่งตัวแฟชั่นในระหว่างการทำงานเป็นผู้จัดการศิลปินก็ตาม แต่สุดท้ายเด็กสาวคนนี้ก็ยังมีความรู้สึกขุ่นมัว รู้สึกทุกข์ใจข้างในเล็ก ๆ และยังอยากจะกลับไปอยู่ลอนดอนอยู่ดี เพราะลึก ๆ แล้ว.....เธอก็ยังคงคิดถึงแม่ของเธอมากจริง ๆ
.
และหากลองจินตนาการ การที่เด็กสาวอายุ 15 คนหนึ่งต้องเจอการสูญเสียจากแม่ที่เธอรัก และต้องย้ายมาอยู่แอลเอ และดันมาเจอว่าพ่อของเธอกำลังเดทกับแฟนใหม่หรือแอนนาและกำลังจะแต่งงานกัน มันก็คงเข้าใจได้มาก ๆ เลยที่มันจะยากที่ลิลลี่จะปรับตัวเหมือนกัน เห็นได้จากการที่เธอพยายามปรับตัวเป็นคนดังในโรงเรียนที่โอ้อวดแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ไม่มีจริงของเธอ ไปจนถึงการที่เธอพยายามจะกลับไปลอนดอนให้ได้ ความทุกข์ใจจากความคิดถึงแม่ของเธอจึงทำให้สุดท้ายแล้วเธอในร่างคุณยายเทสจึงตัดสินใจโทรหาเจคเพื่อให้มาเข้าร่วมงานเปิดร้านอาหารของพ่อเธอ และเปิดโปงให้แอนนาและครอบครัวฝั่งพ่อและแม่ของเธอทั้งหมดรู้ถึงเรื่องราวที่แอนนาเคยแอบชอบเจคและยังไม่สามารถ move on ได้
.
และแม้ว่าการทุ่มทของลิลลี่จะทำให้พ่อของเธอตัดสินใจล้มเลิกงานแต่งงานกับแอนนา แต่กลายเป็นว่าความสุขที่เธอหวังจะได้รับจากเหตุการณ์นี้กลับเปลี่ยนกลายเป็นความทุกข์อย่างสิ้นเชิง เพราะสิ่งนี้กลับกลายเป็นทำให้พ่อของเธอเสียใจมาก มากเหมือนตอนที่เสียแม่ของเธอไป เธอเลยรู้สึกผิดมากที่ทำให้พ่อเสียใจ เทสในร่างของลิลลี่จึงเดินเข้ามาคุยเพื่อช่วยเธอ (จากก่อนหน้านี้ที่เทสก็พยายามเข้าหาลิลลี่มาก แต่ลิลลี่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น)
.
“หนูไม่เคยเห็นพ่อรู้สึกเศร้าขนาดนี้มาก่อน หลังจากที่แม่จากไป และมันเป็นความผิดของหนูทั้งหมด”
“รู้มั้ย ตอนที่ไรอัน (สามีคนปัจจุบันของเทส) มาขอฉันแต่งงาน ฉันคิดหนักมากว่าพ่อของแอนนาและแฮร์รี่จะคิดยังไง หรือจะรู้สึกยังไง....
แต่ฉันคิดว่าเขาคงรู้สึกดีกับเรานะ เพราะการที่คนที่เรารักเราได้เจอกับใครสักคนที่รักเรามาก ๆ แม้มันอาจจะทำให้เราเจ็บปวดหน่อย ๆ แต่มันคงทำให้เรามีความสุขมากเหมือนกันกับการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข”
“แม่หนูก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน.....หนูคิดถึงแม่มาก แม่คงผิดหวังในตัวหนูมากแน่ ๆ เพราะว่าหนูเห็นแก่ตัวมากจริง ๆ หนูรู้ตัวดี”
“ไม่ ไม่เลย แม่หนูจะต้องเข้าใจ เพราะแม่หนูรู้จักหนูดี และรู้ถึงเจตนาลึก ๆ ว่าหนูไม่ได้ทำเพราะความเห็นแก่ตัว หรืออยากให้พ่อรู้สึกแย่จริง ๆ สักนิดเลย ”
.
จุดนี้เลยทำให้ลิลลี่ในร่างเทสออกตามพ่อเพื่อให้เขากลับมาแต่งงานกับแอนนา ซึ่งแม้เธอจะพยายามยื้อแค่ไหน แต่สุดท้ายพ่อเธอก็ตัดสินใจไม่ทำ ด้วยเหตุผลเพราะว่าเขารู้ว่าสิ่งนี้ทำให้ลิลลี่เองไม่มีความสุขมาก เขาเลยจำเป็นต้องเลือกลิลลี่ก่อนแอนนา สิ่งนี้ยิ่งทำให้ลิลลี่เห็นว่าพ่อของเธอก็รักเธอมาก และยิ่งคอนเฟิร์มเธอมากว่าพ่อของเธอใส่ใจเธอมากจริง ๆ จนสุดท้ายแล้วเทสในร่างลิลลี่เลยโผล่เข้ามาช่วยยืนยันให้พ่อของเธอสามารถแต่งงานกับแฟนที่เขารักได้ เอริคจึงกลับไปง้อแอนนาและขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้ง
.
และในที่สุดทั้งสี่คนก็ได้สลับร่างกลับคืนมาสู่ร่างของตัวเองอีกครั้ง และแอนนาและเอริคก็ได้แต่งงานกันในที่สุด
.
‘เราไม่จำเป็นต้องสละสิ่งที่ตัวเองมีความสุขเพื่อลูก เพราะลูกพร้อมเข้าใจและอยากให้เรามีความสุขเหมือนกัน’
นี่คงอาจเป็นคำตอบที่เราได้จากหนังเรื่องนี้จากคำถามข้างต้นที่เราไม่แน่ใจว่าลูกจะโอเคกับเราและแฟนใหม่ของเราจริง ๆ ไหม ซึ่งสำหรับตนเองมองว่าแม้มันจะไม่ใช่ความรู้สึกที่ลูกจะโอเคหรือมีความสุขกับการมีพ่อหรือแม่ใหม่ 100% ตั้งแต่เริ่มแรก เพราะปฏิเสธไม่ได้ในระหว่างทางของการปรับตัว เด็ก ๆ ก็ยังมีความรู้สึกเศร้าหรือแย่อยู่พอสมควร อย่างเช่นทางฝั่งของฮาร์เปอร์ที่มีความรู้สึกเสียใจ โกรธ หรือน้อยใจ เพราะมองว่าแม่ไม่เข้าใจ หรือมองว่าแม่เป็นคนพรากความสุขในชีวิตของเขาไปเพื่อไปมีความสุขของตัวเอง หรือจากฝั่งของลิลลี่ยังคงคิดถึงคุณแม่มาก และเหมือนมีความรู้สึกโดดเดี่ยวจากที่ต้องย้ายถิ่นมาอยู่บ้านใหม่เมืองใหม่ แถมพ่อก็มีคนรักใหม่ สิ่งนี้ก็คงทำให้เราเข้าใจได้มาก ๆ ว่าลูก ๆ ก็คงอาจมีความรู้สึกขัดใจกับการเริ่มต้นชีวิตรักใหม่ของเราและสามีหรือภรรยาใหม่ได้เหมือนกัน เพราะมันดูเหมือนกับสิ่งที่เราทำ มันสื่อให้พวกเขารับรู้ได้ว่า เราไม่ได้รักเขาเลยได้เช่นกัน
.
แต่สุดท้ายแล้ว การที่เด็ก ๆ ได้มองเห็นถึงความทุกข์ใจในการตัดสินใจกับชีวิตรักของเรา หรือที่สำคัญที่สุด คือได้เห็นการกระทำของเราจริง ๆ ว่าเรารักและแคร์ลูกมากแค่ไหน โดยเฉพาะจากการที่เราเสียสละยอมทิ้งในสิ่งที่ตัวเองรักเพื่อลูกเพราะเรารักลูกมากจริง ๆ ทั้งจากคุณแม่แอนนาที่ยอมทิ้งงานเขียนเพลงที่รักเพื่อมาดูแลฮาร์เปอร์เต็มตัว หรือจากพ่อเอริคที่ยอมไม่แต่งงานกับแอนนาเพราะห่วงความรู้สึกของลิลลี่ สิ่งนี้เลยกลายเป็นตัวปลดล็อคความโดดเดี่ยวหรือข้อสงสัยในความรักที่เรามีต่อตัวเขา ที่สุดท้ายแล้วทำให้เขาได้เข้าใจเราและช่วยเหลือเรามากขึ้นได้เหมือนกันเพราะเขารับรู้ได้อย่างสุดใจว่า “พวกเรารักพวกเขามากจริง ๆ” จนบางทีในท้ายที่สุด มันคงสร้างแรงจูงใจที่ทำให้เขาอยากมอบพื้นที่ให้เราได้มีความสุขบ้างเหมือนกัน
.
#การเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่ใช่ burden ที่หมายความว่าเราจะต้องรู้สึกผิดต่อลูกเพราะกลัวเลี้ยงลูกไม่ดีพอ จนทำให้เราต้องเสียสละ จนต้องตัดสิ่งรอบตัวทุกอย่างเพื่อ make sure ว่าเรากำลังทำเพื่อลูกอยู่ เพราะหากเรามั่นใจว่าเรารักลูกและดูแลลูกอย่างเต็มที่ที่สุดในความสามารถของเราแล้ว ลูก ๆ สามารถสัมผัสสิ่งนั้นได้เสมอ และบางทีเขาก็อาจพร้อมเข้าใจและอยากมอบความสุขนั้นให้เราเหมือนกัน
.
และเพราะเรา (ที่เป็นคนที่รักและใส่ใจลูก งาน และคนรอบข้างขนาดนี้) ก็สมควรได้รับความรักจากคนดี ๆ เหมือนกันนะ ????
.
และหากใครต้องการตัวช่วยในเรื่องของการเลี้ยงลูกเพิ่มเติม สามารถเข้ามาศึกษาต่อได้ฟรีเลยที่ www.netpama.com
Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก
Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม
#เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก #NetPAMA #4ปีเน็ตป๊าม้า #FreakyFriday2
หลังจากที่รอคอยกันมายาวนานหลายปี ในที่สุดหนังครอบครัวภาคต่อยอดฮิตยุค 2000 อย่าง Freaky Friday (วันศุกร์สุดสยอง) ที่นำแสดงโดยดาราชั้นนำอย่าง Lindsay Lohan (ลินด์ซี่ย์ โลฮาน) และ Jamie Lee Curtis (เจมี่ ลี เคอร์ติส) ก็ได้กลับมาและเพิ่งถูกฉายไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมาในชื่อใหม่ว่า “Freakier Friday (ศุกร์สยอง สี่ร่างสลับรุ่น)” ทำเอาเอฟซีตัวยงอย่าง #คุณนายข้าวกล่อง ต้องรีบกดตั๋วหนังเพื่อเข้าโรงไปดูตั้งแต่วันแรกกันเลยทีเดียว
.
ซึ่งนอกจากว่าหนังจะสนุก ตลก ซาบซึ้ง ปลื้มปริ่ม และอิ่มเอมใจเอฟซีอย่างเรามาก ๆ แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ส่วนตัวรู้สึกชอบมากจนคิดว่าน่าแชร์สำหรับพวกเราชาวผู้ปกครอง โดยเฉพาะผู้ปกครองที่เป็น #พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ก็คือ หนังในภาคนี้แม้จะยังคงคอนเสปต์ในเรื่องของการ ‘สลับร่าง’ ระหว่างแม่ลูกเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เป็นการสลับร่างในบริบทครอบครัวที่ต่างกันออกไป ที่ตัวแอนนาไม่ได้สลับร่างกับลูกสาวแท้ ๆ จากคุณสามีเก่าที่เลิกรากันไปแล้วหรือ ‘ฮาร์เปอร์’ อย่างเดียว แต่คุณยายเทสก็ดันเข้าร่วมจอยปาร์ตี้สลับร่างนี้ไปด้วย โดยโชคชะตาเธอถูกกำหนดให้ต้องไปสลับร่างกับลูกสาวผู้มากับแฟนใหม่ของแอนนาอย่าง ‘ลิลลี่’ ด้วย
.
หรือถ้าให้พูดโดยสรุปก็คือ เป็นการสลับร่างของการ reform ครอบครัวใหม่ ที่คุณพ่อหม้ายและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวได้ตัดสินใจร่วมกันมีครอบครัวใหม่อีกครั้ง ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็มีลูกกันแล้วทั้งคู่
.
จากพล็อตสั้น ๆ แค่นี้ แม้ว่าส่วนตัวเชื่อว่าหลายคนคงมองว่าหนังเรื่องนี้คงน่าสนุกไม่น้อย แต่หากลองจินตนาการว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราเอง....เชื่อว่าผู้ปกครองหลายคนคงสนุกไม่ออกเหมือนกัน เพราะเราก็คงไม่แน่ใจสักเท่าไหร่เหมือนกันว่า ‘แล้วลูกล่ะ? ลูกเราจะโอเคกับความรักใหม่ หรือพ่อ/แม่ใหม่ของเราไหม?’แล้วเราควรจะตัดสินใจอย่างดี ระหว่างเลือกความสุขของตัวเอง หรือเลือกความสุขของลูกเราก่อน?
.
หนังเรื่องนี้จะนำพาพวกเราไปทำความเข้าใจถึงมุมมองและความรู้สึกของแต่ละคนต่อการปรับตัวสู่การมีครอบครัวใหม่ รวมถึงเข้าใจมุมมองและความรู้สึกลึก ๆ ของลูก ๆ เราด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าหากพวกเราชาวผู้ปกครองได้เข้าใจความคิดความรู้สึกของลูกจริง ๆ สิ่งนี้อาจสามารถช่วยปลดล็อคเราและทำให้เราตัดสินใจในเรื่องการมีครอบครัวใหม่ได้อย่างง่ายขึ้นมาก.....มากเสียจนมันสามารถ fulfill ความรู้สึกเป็นห่วงหรือความรู้สึกผิดในใจของพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวหลายคนมากจริง ๆ
.
ซึ่งคำตอบจะเป็นอย่างไรนั้น...เรามาดูกันเลยค่ะ
.
[เนื้อหาหลังจากนี้มีการสปอยล์]
.
หลังจากที่แอนนาและคุณพ่อหม้าย ‘เอริค’ คบกันเป็นแฟนมาแล้วสักพักจากที่ได้พบกันที่โรงเรียนของลูกสาวทั้งสอง (เพราะเด็ก ๆ เป็นคู่อริกันและสร้างเรื่องทะเลาะจนทั้งคู่ต้องมาคุยในฐานะผู้ปกครองเด็ก) ทั้งคู่ก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน และมีแพลนว่าจะไปใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ของตัวเองที่บ้านเกิดสามีใหม่ที่ลอนดอน ซึ่งการตัดสินใจก็ทำให้สาว ๆ ทั้งสองไม่พอใจเอามาก ๆ เพราะคนนึงก็ไม่อยากย้ายไปลอนดอน เพราะชอบชีวิตการเป็นสาวแอลเอ ที่มอบมหาสมุทรให้ชีเล่นเซิร์ฟได้ทุกวัน แถมได้อยู่กับคุณยายเทสสุดน่ารักด้วย ส่วนอีกคนแม้จะแอบดีใจที่ได้กลับไปบ้านเกิดเพราะเต็มไปด้วยแฟชั่นที่เธอรัก แต่เธอก็ไม่โอเคเหมือนกันที่จะต้องมีแอนนาและลูกสาวคู่อริกลับไปอยู่ด้วยเหมือนกัน
.
ความไม่เข้าใจกันของแต่ละคนเลยนำพามาให้แม่หมอเจน (Jen) แม่หมอผู้ซึ่งประกอบอาชีพอื่น ๆ นอกจากการเป็นแม่หมอด้วย ได้เจอแอนนา เทส และลูกสาวทั้งสองคน และสร้างปรากฎการณ์การสลับร่างกับพวกเธอทั้งสี่คนอีกครั้งก่อนที่งานแต่งคุณแม่แอนนาและพ่อเอริคจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วัน ซึ่งแม้ในตอนแรกต่างฝ่ายต่างไม่พอใจเอามาก ๆ ที่ฝั่งลูกต้องติดอยู่ในร่างของคุณแม่และคุณยายสุดแก่หงำเหงือก และฝั่งผู้ปกครองต้องติดอยู่ในร่างเด็กวัยรุ่นวัย 15 ปีที้ปิดกั้นให้พวกเธอไปกลับไปรับผิดชอบชีวิตการเป็นผู้ใหญ่ของตนเองได้ แต่สุดท้ายเด็กสาวทั้งสองก็แอบดีใจ เพราะพวกเธอเห็นว่าการสลับร่างที่นี้สามารถทำให้เกิด ‘การยกเลิกงานแต่งของพ่อกับแม่ตนเองได้’ พวกเธอจึงร่วมมือกันเพื่อล่มงานแต่งงานนี้ โดยคิดแผนด้วยการพาคนแอบชอบเก่าของแอนนาอย่าง ‘เจค’ กลับเข้ามาในชีวิตแอนนาอีกครั้ง เพื่อโชว์ให้เอริคเห็นว่าแอนนายังมีใจให้อดีตคนแอบชอบอยู่
.
แต่ในระหว่างการทำภารกิจ แรงจูงใจของการทำให้พ่อแม่เลิกกันที่แรงกล้าของทั้งคู่ก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ อย่างน่าประหลาดใจ เพราะกลายเป็นว่าสิ่งนี้ทำให้เด็ก ๆ ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น ทำให้พวกเขาได้คุยกัน และได้เปิดเผยความในใจข้างในของแต่ละฝ่ายออกมามากขึ้น รวมถึงต่างฝ่ายต่างก็ได้รู้เรื่องราวความรู้สึกลึก ๆ ของพ่อและแม่ ทำให้เข้าใจความเจ็บปวดของพวกเขามากขึ้นเช่นกัน
.
#ความสัมพันธ์ของฮาร์เปอร์ Vs. แอนนาและเอริค
ในฝั่งของฮาร์เปอร์ นอกเหนือจากที่เธอจะเริ่มเปิดใจและรับฟังลิลลี่มากขึ้นแล้ว ฮาร์เปอร์เองก็ได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้วเอริครักแม่ของเธอมาก และแม่ของเธอก็รักมากเธอเหมือนกัน จากที่เอริคสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับแม่เธอได้ทุกข้อระหว่างการสัมภาษณ์ขอ Green Card รวมไปถึงข้อคำถามสุดท้ายที่ทำให้เธอรู้ว่าแม่เธอเป็นห่วงและใส่ใจความรู้สึกเธอแค่ไหน เพราะเธอก็เพิ่งรู้ว่าแม่เธอกลัวมากว่าเธอจะไม่เข้าใจและไม่รักเธอเหมือนกัน
.
“ฉันกลัวอะไรมากที่สุด” ฮาร์เปอร์ (ในร่างแอนนา) ถาม
“คุณกลัวว่าความรักที่คุณมีต่อฮาร์เปอร์ รวมถึงความอยากจะปกป้องเธอ จะทำให้ฮาร์เปอร์ยิ่งหนีห่างจากคุณ.... และเธอจะยิ่งหนีออกไปเล่นเซิร์ฟ หรือทำอะไรที่ไม่ดีอย่างไปสักรูปดวงอาทิตย์หรือเจาะสะดือ
แต่....ฮาร์เปอร์เป็นเด็กดี และคุณเองก็เป็นแม่ที่แสนวิเศษ ผมเชื่อว่าจะไม่มีเรื่องราวแบบนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” เอริคกล่าว
.
ยิ่งไปกว่านั้น ในวันถัดมา ระหว่างที่ฮาร์เปอร์ในร่างของแอนนากำลังไปเล่นเซิร์ฟ (แบบที่ฮาร์เปอร์ชอบทำอยู่ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน) อยู่ดี ๆ เอริคก็ปรากฏตัวขึ้นในชุดว่ายน้ำและกระดานโต้คลื่น เพราะตัวเขาเองกับแอนนากำลังมีแผนที่จะฝึกเล่นเซิร์ฟเพื่อเซอร์ไพรส์ฮาร์เปอร์ แถมในช่วงเวลานั้นเองเอริคได้บอกแอนนาว่าเขาตัดสินใจเปลี่ยนแผนจากที่จะย้ายไปอยู่ลอนดอนมาอยู่กับแอนนาที่แอลเอแทน เพราะรู้สึกว่าการอยู่กับแอนนาและครอบครัวที่นี่มันอบอุ่นต่อเขาและลูกมากหลังจากที่พวกเขารู้สึก lost มานานหลังจากที่ภรรยาเก่าเสียไป การกลับไปอยู่ลอนดอนเลยคงไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมา แถมดีต่อตัวฮาร์เปอร์ด้วย สิ่งนี้เลยยิ่งทำให้ฮาร์เปอร์ในร่างแอนนาทำใจตัดความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับแฟนใหม่แม่คนนี้ไม่ลง เพราะผู้ชายคนนี้เป็นคนดีสำหรับแม่ของเธอมากจริง ๆ
.
นอกจากนี้ อีกสาเหตุที่ฮาร์เปอร์ยิ่งใจอ่อนไม่กัดฟันตามแผนมากขึ้นก็เพราะเธอเริ่มเข้าใจว่าแม่แอนนารักเธอมาจริง ๆ จากที่เธอได้ลองเข้าไปทำงานของแม่ในฐานะผู้จัดการศิลปิน ที่ทำให้เธอค้นพบว่าแม่เธอยอมไม่ทำเพลงที่เธอรักต่อเพราะกลัวไม่มีเวลาอยู่กับเธอมากพอ รวมถึงท้ายที่สุดก็มารู้ว่าแม่เธอแอบแต่งเพลงเพื่อบอกรักเธอด้วย (ไม่ใช่บอกรักเจคอย่างที่ตนและลิลลี่เข้าใจแต่แรก) สิ่งนี้เลยยิ่งทำให้ฮาร์เปอร์กลับมาไฟเขียวกับการแต่งงานของแม่เธอและแฟนใหม่เอริคในที่สุด และทิ้งแผนการที่ได้สร้างมากับลิลลี่ จนลิลลี่รู้สึกแย่มากเพราะเหมือนโดนเพื่อนที่ไว้ใจหักหลัง
.
#ความสัมพันธ์ของลิลลี่ Vs. เอริคและเทส
ตัดภาพกลับมาที่เด็กสาวลอนดอนเนอร์ของเรา แม้ว่าแผนการนี้จะทำให้เธอเริ่มใจอ่อนและไว้ใจฮาร์เปอร์มากขึ้น จากที่ฮาร์เปอร์ก็ให้ความร่วมมือกับเธอทุกอย่าง ไม่ว่าจะกลับไปจีบเจคที่เป็นคนแอบชอบเก่าของแม่แอนนา (ที่ท่วงท่าในการจีบจะน่าขันและน่าอายมาก) หรือยอมให้เธอจับแต่งตัวแฟชั่นในระหว่างการทำงานเป็นผู้จัดการศิลปินก็ตาม แต่สุดท้ายเด็กสาวคนนี้ก็ยังมีความรู้สึกขุ่นมัว รู้สึกทุกข์ใจข้างในเล็ก ๆ และยังอยากจะกลับไปอยู่ลอนดอนอยู่ดี เพราะลึก ๆ แล้ว.....เธอก็ยังคงคิดถึงแม่ของเธอมากจริง ๆ
.
และหากลองจินตนาการ การที่เด็กสาวอายุ 15 คนหนึ่งต้องเจอการสูญเสียจากแม่ที่เธอรัก และต้องย้ายมาอยู่แอลเอ และดันมาเจอว่าพ่อของเธอกำลังเดทกับแฟนใหม่หรือแอนนาและกำลังจะแต่งงานกัน มันก็คงเข้าใจได้มาก ๆ เลยที่มันจะยากที่ลิลลี่จะปรับตัวเหมือนกัน เห็นได้จากการที่เธอพยายามปรับตัวเป็นคนดังในโรงเรียนที่โอ้อวดแฟนหนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ไม่มีจริงของเธอ ไปจนถึงการที่เธอพยายามจะกลับไปลอนดอนให้ได้ ความทุกข์ใจจากความคิดถึงแม่ของเธอจึงทำให้สุดท้ายแล้วเธอในร่างคุณยายเทสจึงตัดสินใจโทรหาเจคเพื่อให้มาเข้าร่วมงานเปิดร้านอาหารของพ่อเธอ และเปิดโปงให้แอนนาและครอบครัวฝั่งพ่อและแม่ของเธอทั้งหมดรู้ถึงเรื่องราวที่แอนนาเคยแอบชอบเจคและยังไม่สามารถ move on ได้
.
และแม้ว่าการทุ่มทของลิลลี่จะทำให้พ่อของเธอตัดสินใจล้มเลิกงานแต่งงานกับแอนนา แต่กลายเป็นว่าความสุขที่เธอหวังจะได้รับจากเหตุการณ์นี้กลับเปลี่ยนกลายเป็นความทุกข์อย่างสิ้นเชิง เพราะสิ่งนี้กลับกลายเป็นทำให้พ่อของเธอเสียใจมาก มากเหมือนตอนที่เสียแม่ของเธอไป เธอเลยรู้สึกผิดมากที่ทำให้พ่อเสียใจ เทสในร่างของลิลลี่จึงเดินเข้ามาคุยเพื่อช่วยเธอ (จากก่อนหน้านี้ที่เทสก็พยายามเข้าหาลิลลี่มาก แต่ลิลลี่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น)
.
“หนูไม่เคยเห็นพ่อรู้สึกเศร้าขนาดนี้มาก่อน หลังจากที่แม่จากไป และมันเป็นความผิดของหนูทั้งหมด”
“รู้มั้ย ตอนที่ไรอัน (สามีคนปัจจุบันของเทส) มาขอฉันแต่งงาน ฉันคิดหนักมากว่าพ่อของแอนนาและแฮร์รี่จะคิดยังไง หรือจะรู้สึกยังไง....
แต่ฉันคิดว่าเขาคงรู้สึกดีกับเรานะ เพราะการที่คนที่เรารักเราได้เจอกับใครสักคนที่รักเรามาก ๆ แม้มันอาจจะทำให้เราเจ็บปวดหน่อย ๆ แต่มันคงทำให้เรามีความสุขมากเหมือนกันกับการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข”
“แม่หนูก็คงคิดอย่างนั้นเหมือนกัน.....หนูคิดถึงแม่มาก แม่คงผิดหวังในตัวหนูมากแน่ ๆ เพราะว่าหนูเห็นแก่ตัวมากจริง ๆ หนูรู้ตัวดี”
“ไม่ ไม่เลย แม่หนูจะต้องเข้าใจ เพราะแม่หนูรู้จักหนูดี และรู้ถึงเจตนาลึก ๆ ว่าหนูไม่ได้ทำเพราะความเห็นแก่ตัว หรืออยากให้พ่อรู้สึกแย่จริง ๆ สักนิดเลย ”
.
จุดนี้เลยทำให้ลิลลี่ในร่างเทสออกตามพ่อเพื่อให้เขากลับมาแต่งงานกับแอนนา ซึ่งแม้เธอจะพยายามยื้อแค่ไหน แต่สุดท้ายพ่อเธอก็ตัดสินใจไม่ทำ ด้วยเหตุผลเพราะว่าเขารู้ว่าสิ่งนี้ทำให้ลิลลี่เองไม่มีความสุขมาก เขาเลยจำเป็นต้องเลือกลิลลี่ก่อนแอนนา สิ่งนี้ยิ่งทำให้ลิลลี่เห็นว่าพ่อของเธอก็รักเธอมาก และยิ่งคอนเฟิร์มเธอมากว่าพ่อของเธอใส่ใจเธอมากจริง ๆ จนสุดท้ายแล้วเทสในร่างลิลลี่เลยโผล่เข้ามาช่วยยืนยันให้พ่อของเธอสามารถแต่งงานกับแฟนที่เขารักได้ เอริคจึงกลับไปง้อแอนนาและขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้ง
.
และในที่สุดทั้งสี่คนก็ได้สลับร่างกลับคืนมาสู่ร่างของตัวเองอีกครั้ง และแอนนาและเอริคก็ได้แต่งงานกันในที่สุด
.
‘เราไม่จำเป็นต้องสละสิ่งที่ตัวเองมีความสุขเพื่อลูก เพราะลูกพร้อมเข้าใจและอยากให้เรามีความสุขเหมือนกัน’
นี่คงอาจเป็นคำตอบที่เราได้จากหนังเรื่องนี้จากคำถามข้างต้นที่เราไม่แน่ใจว่าลูกจะโอเคกับเราและแฟนใหม่ของเราจริง ๆ ไหม ซึ่งสำหรับตนเองมองว่าแม้มันจะไม่ใช่ความรู้สึกที่ลูกจะโอเคหรือมีความสุขกับการมีพ่อหรือแม่ใหม่ 100% ตั้งแต่เริ่มแรก เพราะปฏิเสธไม่ได้ในระหว่างทางของการปรับตัว เด็ก ๆ ก็ยังมีความรู้สึกเศร้าหรือแย่อยู่พอสมควร อย่างเช่นทางฝั่งของฮาร์เปอร์ที่มีความรู้สึกเสียใจ โกรธ หรือน้อยใจ เพราะมองว่าแม่ไม่เข้าใจ หรือมองว่าแม่เป็นคนพรากความสุขในชีวิตของเขาไปเพื่อไปมีความสุขของตัวเอง หรือจากฝั่งของลิลลี่ยังคงคิดถึงคุณแม่มาก และเหมือนมีความรู้สึกโดดเดี่ยวจากที่ต้องย้ายถิ่นมาอยู่บ้านใหม่เมืองใหม่ แถมพ่อก็มีคนรักใหม่ สิ่งนี้ก็คงทำให้เราเข้าใจได้มาก ๆ ว่าลูก ๆ ก็คงอาจมีความรู้สึกขัดใจกับการเริ่มต้นชีวิตรักใหม่ของเราและสามีหรือภรรยาใหม่ได้เหมือนกัน เพราะมันดูเหมือนกับสิ่งที่เราทำ มันสื่อให้พวกเขารับรู้ได้ว่า เราไม่ได้รักเขาเลยได้เช่นกัน
.
แต่สุดท้ายแล้ว การที่เด็ก ๆ ได้มองเห็นถึงความทุกข์ใจในการตัดสินใจกับชีวิตรักของเรา หรือที่สำคัญที่สุด คือได้เห็นการกระทำของเราจริง ๆ ว่าเรารักและแคร์ลูกมากแค่ไหน โดยเฉพาะจากการที่เราเสียสละยอมทิ้งในสิ่งที่ตัวเองรักเพื่อลูกเพราะเรารักลูกมากจริง ๆ ทั้งจากคุณแม่แอนนาที่ยอมทิ้งงานเขียนเพลงที่รักเพื่อมาดูแลฮาร์เปอร์เต็มตัว หรือจากพ่อเอริคที่ยอมไม่แต่งงานกับแอนนาเพราะห่วงความรู้สึกของลิลลี่ สิ่งนี้เลยกลายเป็นตัวปลดล็อคความโดดเดี่ยวหรือข้อสงสัยในความรักที่เรามีต่อตัวเขา ที่สุดท้ายแล้วทำให้เขาได้เข้าใจเราและช่วยเหลือเรามากขึ้นได้เหมือนกันเพราะเขารับรู้ได้อย่างสุดใจว่า “พวกเรารักพวกเขามากจริง ๆ” จนบางทีในท้ายที่สุด มันคงสร้างแรงจูงใจที่ทำให้เขาอยากมอบพื้นที่ให้เราได้มีความสุขบ้างเหมือนกัน
.
#การเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่ใช่ burden ที่หมายความว่าเราจะต้องรู้สึกผิดต่อลูกเพราะกลัวเลี้ยงลูกไม่ดีพอ จนทำให้เราต้องเสียสละ จนต้องตัดสิ่งรอบตัวทุกอย่างเพื่อ make sure ว่าเรากำลังทำเพื่อลูกอยู่ เพราะหากเรามั่นใจว่าเรารักลูกและดูแลลูกอย่างเต็มที่ที่สุดในความสามารถของเราแล้ว ลูก ๆ สามารถสัมผัสสิ่งนั้นได้เสมอ และบางทีเขาก็อาจพร้อมเข้าใจและอยากมอบความสุขนั้นให้เราเหมือนกัน
.
และเพราะเรา (ที่เป็นคนที่รักและใส่ใจลูก งาน และคนรอบข้างขนาดนี้) ก็สมควรได้รับความรักจากคนดี ๆ เหมือนกันนะ ????
.
และหากใครต้องการตัวช่วยในเรื่องของการเลี้ยงลูกเพิ่มเติม สามารถเข้ามาศึกษาต่อได้ฟรีเลยที่ www.netpama.com
Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก
Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม
#เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก #NetPAMA #4ปีเน็ตป๊าม้า #FreakyFriday2

เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ