ทำไมโซเชียลมีเดียทำร้ายเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย
เมื่อ 4 ชั่วโมงที่แล้ว
ทำไมโซเชียลมีเดียทำร้ายเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย
#คนรุ่นใหม่วัยวิตก (The Anxious Generation) บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
แม้โซเชียลมีเดียจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ให้โทษร้ายโดยเฉพาะกับเด็กๆที่เสพติดการใช้อย่างไม่ถูกวิธี โดยข้อมูลจากหนังสือ #คนรุ่นใหม่วัยวิตก (The Anxious Generation) สำนักพิมพ์ #bookscape ได้มีการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมและกิจวัตรประจำวันของเด็ก ข้อมูลเปรียบเทียบสถิติทางสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่นในแต่ละประเทศตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา รวมไปถึงข้อมูลมากมายที่ได้รับจากผู้ปกครอง
.
พบว่า โซเชียลมีเดียมีผลทำร้ายเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย ด้วยเหตุผลดังนี้
.
1.เด็กหญิงเลือกใช้โซเชียลมีเดียมากกว่าเด็กชายมาก ในขณะที่เด็กชายส่วนใหญ่มักเลือกเล่นเกมออนไลน์
.
2.มีการศึกษาที่พบว่า ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนชั่วโมงมากต่อวัน ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีอัตราการป่วยซึมเศร้าหรือผิดปกติสูงกว่าผู้ที่ใช้น้อยหรือไม่ใช้เลย และเห็นได้ชัดในเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย
.
3.เด็กหญิงนิยมใช้โซเชียลมีเดียผ่านรูปภาพ เช่น IG (Instagram) ทำให้เกิดการเปรียบเทียบทางสังคมได้รุนแรงกว่าแพลตฟอร์มอื่นที่เน้นการสื่อสารด้วยข้อความ
.
4.แรงจูงใจหลักของเด็กหญิง คือ ความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งโซเชียลมีเดียสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างดี แต่ยิ่งใช้โซเชียลมีเดียกลับทำให้เด็กๆ ยิ่งรู้สึกแย่ลง
.
5.เด็กหญิงอ่อนไหวต่อการเปรียบเทียบด้วยภาพมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบตนเองกับภาพที่สมบูรณ์แบบของผู้อื่น หรือภาพของตนถูกวิพากษ์วิจารณ์
.
6.เด็กหญิงมีแนวโน้มต้องการความสมบูรณ์แบบตามที่สังคมกำหนด ซึ่งในโลกโซเชียลนั้นเต็มไปด้วย ภาพมายาและชีวิตที่สมบูรณ์แบบของผู้คนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
.
7.ความรุนแรงที่เด็กหญิงมักแสดงออก คือ การพยายามทำลายความสัมพันธ์และชื่อเสียงของเด็กหญิงคนอื่น โดยโซเชียลมีเดียคือช่องทางที่ง่ายและทรงพลังที่สุด
.
8.ภาวะวิตกกังวล หรือซึมเศร้ามีอิทธิพลและส่งต่อกันได้ในโลกออนไลน์ เด็กหญิงมักอ่อนไหวและพร้อมแบ่งปันอารมณ์ ความรู้สึกได้มากกว่า เป็นการส่งต่อกันทางด้านสังคมมากกว่าสาเหตุทางชีวภาพ
.
9.โลกออนไลน์ทำให้มิจฉาชีพเข้าหาและหลอกลวงเด็กหญิงได้ง่ายขึ้นมาก
.
10.โซเชียลมีเดียล่อลวงเด็กหญิงด้วยการได้เชื่อมโยงกับผู้คนมากมาย ในขณะที่ลดทอนคุณภาพของความสัมพันธ์ลง เมื่อเด็กเลือกให้เวลากับหน้าจอมากกว่าเพื่อนและผู้คนรอบข้างในชีวิตจริง สุดท้ายการใช้โซเชียลมีเดียจึงมักทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว
.
11.การศึกษาเชิงทดลองพบว่า เมื่อผู้ป่วยได้รับคำสั่งจากแพทย์ให้ลดหรือเลิกใช้โซเชียลมีเดียเกินสามสัปดาห์ขึ้นไปสุขภาพจิตของพวกเขามักจะดีขึ้น
.
#ในฐานะพ่อแม่เราสามารถดูแลและปกป้องลูกจากอันตรายของการใช้โซเชียลมีเดียได้อย่างไร
.
เมื่อลูกติดโซเชียลมีเดีย สิ่งสำคัญที่สุดคือ การยอมรับและทำความเข้าใจว่า โซเชียลมีเดียนั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นความต้องการให้ผู้ใช้เสพติดไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ วัยไหนก็ตาม
.
อย่าเริ่มด้วยการดุด่า ต่อว่า หรือยึดมือถือลูก เพราะไม่มีทางได้ผล แต่ให้เริ่มจากการชวนลูกคุย เปิดใจรับฟัง ทำความเข้าใจว่า เพราะอะไรลูกถึงติดโซเชียลมีเดียมาก ลูกเล่นอย่างไร และชอบอะไรในนั้น
.
จากนั้นค่อยๆ ชวนลูกคิดและพูดคุยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยบอกความรู้สึก ความห่วงใย และความต้องการของพ่อแม่ ชี้ให้เห็นผลเสียที่เกิดขึ้นจริงกับลูกว่าการใช้โซเชียลมีเดียของเขานั้น กระทบต่อความรับผิดชอบ สุขภาพและชีวิตของลูกอย่างไรบ้าง
.
ค่อยเป็นค่อยไปในการลดเวลาใช้หน้าจอ โดยการพูดคุยทำข้อตกลง กำหนดกฎกติการ่วมกันกับลูก ด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย รวมถึงเพิ่มกิจกรรมอื่นๆของครอบครัวร่วมกัน
.
พ่อแม่สามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเขา ดูแล พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดียด้วยกันบ่อยๆ สอนให้ลูกเรียนรู้การใช้อย่างปลอดภัยเป็นระยะ โดยปรับเปลี่ยนกำหนดเวลาและควบคุมการใช้ให้เหมาะสมตามวัยของลูก
.
สำคัญที่สุด คือ การที่พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก วางมือถือลงเมื่ออยู่กับเขา ทำให้โลกที่อยู่กับเราน่าสนใจและอบอุ่นกว่าโลกออนไลน์ ชวนลูกทำกิจกรรมที่สนุกและน่าสนใจ(สำหรับลูก)เช่น เล่นบอร์ดเกมที่ลูกเลือก ดูซีรีส์ที่ชอบด้วยกัน เล่นกีฬา หรือการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อแทนที่เวลาในการใช้หน้าจอ
.
เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ มาเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับลูกด้วยกันนะคะ
.
สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการศึกษาการเลี้ยงลูกเชิงบวก สร้างทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตให้กับลูก #สามารถเข้าเรียนได้ออนไลน์ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งหมดได้ถูกรวบรวมไว้ในคอร์สจัดเต็ม ซึ่งจัดทำโดยทีมจิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา ที่ https://www.netpama.com/ มีทั้งคลิปวีดิโอเรื่องราว ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้เลยได้จริง
#NetPAMA #เน็ตป๊าม้า #ReadAndLearn #TheAnxiousGeneration #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก
#คนรุ่นใหม่วัยวิตก (The Anxious Generation) บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
แม้โซเชียลมีเดียจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ให้โทษร้ายโดยเฉพาะกับเด็กๆที่เสพติดการใช้อย่างไม่ถูกวิธี โดยข้อมูลจากหนังสือ #คนรุ่นใหม่วัยวิตก (The Anxious Generation) สำนักพิมพ์ #bookscape ได้มีการรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมและกิจวัตรประจำวันของเด็ก ข้อมูลเปรียบเทียบสถิติทางสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่นในแต่ละประเทศตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา รวมไปถึงข้อมูลมากมายที่ได้รับจากผู้ปกครอง
.
พบว่า โซเชียลมีเดียมีผลทำร้ายเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย ด้วยเหตุผลดังนี้
.
1.เด็กหญิงเลือกใช้โซเชียลมีเดียมากกว่าเด็กชายมาก ในขณะที่เด็กชายส่วนใหญ่มักเลือกเล่นเกมออนไลน์
.
2.มีการศึกษาที่พบว่า ผู้ใช้โซเชียลมีเดียจำนวนชั่วโมงมากต่อวัน ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน มีอัตราการป่วยซึมเศร้าหรือผิดปกติสูงกว่าผู้ที่ใช้น้อยหรือไม่ใช้เลย และเห็นได้ชัดในเด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย
.
3.เด็กหญิงนิยมใช้โซเชียลมีเดียผ่านรูปภาพ เช่น IG (Instagram) ทำให้เกิดการเปรียบเทียบทางสังคมได้รุนแรงกว่าแพลตฟอร์มอื่นที่เน้นการสื่อสารด้วยข้อความ
.
4.แรงจูงใจหลักของเด็กหญิง คือ ความปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งโซเชียลมีเดียสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างดี แต่ยิ่งใช้โซเชียลมีเดียกลับทำให้เด็กๆ ยิ่งรู้สึกแย่ลง
.
5.เด็กหญิงอ่อนไหวต่อการเปรียบเทียบด้วยภาพมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบตนเองกับภาพที่สมบูรณ์แบบของผู้อื่น หรือภาพของตนถูกวิพากษ์วิจารณ์
.
6.เด็กหญิงมีแนวโน้มต้องการความสมบูรณ์แบบตามที่สังคมกำหนด ซึ่งในโลกโซเชียลนั้นเต็มไปด้วย ภาพมายาและชีวิตที่สมบูรณ์แบบของผู้คนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
.
7.ความรุนแรงที่เด็กหญิงมักแสดงออก คือ การพยายามทำลายความสัมพันธ์และชื่อเสียงของเด็กหญิงคนอื่น โดยโซเชียลมีเดียคือช่องทางที่ง่ายและทรงพลังที่สุด
.
8.ภาวะวิตกกังวล หรือซึมเศร้ามีอิทธิพลและส่งต่อกันได้ในโลกออนไลน์ เด็กหญิงมักอ่อนไหวและพร้อมแบ่งปันอารมณ์ ความรู้สึกได้มากกว่า เป็นการส่งต่อกันทางด้านสังคมมากกว่าสาเหตุทางชีวภาพ
.
9.โลกออนไลน์ทำให้มิจฉาชีพเข้าหาและหลอกลวงเด็กหญิงได้ง่ายขึ้นมาก
.
10.โซเชียลมีเดียล่อลวงเด็กหญิงด้วยการได้เชื่อมโยงกับผู้คนมากมาย ในขณะที่ลดทอนคุณภาพของความสัมพันธ์ลง เมื่อเด็กเลือกให้เวลากับหน้าจอมากกว่าเพื่อนและผู้คนรอบข้างในชีวิตจริง สุดท้ายการใช้โซเชียลมีเดียจึงมักทำให้รู้สึกโดดเดี่ยว
.
11.การศึกษาเชิงทดลองพบว่า เมื่อผู้ป่วยได้รับคำสั่งจากแพทย์ให้ลดหรือเลิกใช้โซเชียลมีเดียเกินสามสัปดาห์ขึ้นไปสุขภาพจิตของพวกเขามักจะดีขึ้น
.
#ในฐานะพ่อแม่เราสามารถดูแลและปกป้องลูกจากอันตรายของการใช้โซเชียลมีเดียได้อย่างไร
.
เมื่อลูกติดโซเชียลมีเดีย สิ่งสำคัญที่สุดคือ การยอมรับและทำความเข้าใจว่า โซเชียลมีเดียนั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นความต้องการให้ผู้ใช้เสพติดไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ วัยไหนก็ตาม
.
อย่าเริ่มด้วยการดุด่า ต่อว่า หรือยึดมือถือลูก เพราะไม่มีทางได้ผล แต่ให้เริ่มจากการชวนลูกคุย เปิดใจรับฟัง ทำความเข้าใจว่า เพราะอะไรลูกถึงติดโซเชียลมีเดียมาก ลูกเล่นอย่างไร และชอบอะไรในนั้น
.
จากนั้นค่อยๆ ชวนลูกคิดและพูดคุยถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยบอกความรู้สึก ความห่วงใย และความต้องการของพ่อแม่ ชี้ให้เห็นผลเสียที่เกิดขึ้นจริงกับลูกว่าการใช้โซเชียลมีเดียของเขานั้น กระทบต่อความรับผิดชอบ สุขภาพและชีวิตของลูกอย่างไรบ้าง
.
ค่อยเป็นค่อยไปในการลดเวลาใช้หน้าจอ โดยการพูดคุยทำข้อตกลง กำหนดกฎกติการ่วมกันกับลูก ด้วยความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย รวมถึงเพิ่มกิจกรรมอื่นๆของครอบครัวร่วมกัน
.
พ่อแม่สามารถเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเขา ดูแล พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลการใช้โซเชียลมีเดียด้วยกันบ่อยๆ สอนให้ลูกเรียนรู้การใช้อย่างปลอดภัยเป็นระยะ โดยปรับเปลี่ยนกำหนดเวลาและควบคุมการใช้ให้เหมาะสมตามวัยของลูก
.
สำคัญที่สุด คือ การที่พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก วางมือถือลงเมื่ออยู่กับเขา ทำให้โลกที่อยู่กับเราน่าสนใจและอบอุ่นกว่าโลกออนไลน์ ชวนลูกทำกิจกรรมที่สนุกและน่าสนใจ(สำหรับลูก)เช่น เล่นบอร์ดเกมที่ลูกเลือก ดูซีรีส์ที่ชอบด้วยกัน เล่นกีฬา หรือการสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อแทนที่เวลาในการใช้หน้าจอ
.
เพราะชีวิตคือการเรียนรู้ มาเรียนรู้และเติบโตไปพร้อมกับลูกด้วยกันนะคะ

.
สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการศึกษาการเลี้ยงลูกเชิงบวก สร้างทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตให้กับลูก #สามารถเข้าเรียนได้ออนไลน์ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ทั้งหมดได้ถูกรวบรวมไว้ในคอร์สจัดเต็ม ซึ่งจัดทำโดยทีมจิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา ที่ https://www.netpama.com/ มีทั้งคลิปวีดิโอเรื่องราว ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้เลยได้จริง
#NetPAMA #เน็ตป๊าม้า #ReadAndLearn #TheAnxiousGeneration #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก

เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ