window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'G-HT69D45H8X');

ทำอย่างไรให้ลูกอยากคุยปรึกษาพ่อแม่มากกว่า Chat GPT

เมื่อ 13 ชั่วโมงที่แล้ว
ทำอย่างไรให้ลูกอยากคุยปรึกษาพ่อแม่มากกว่า Chat GPT บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
ในปัจจุบันมีเด็กและผู้ใหญ่มากมายเลือกที่จะพูดคุยปรึกษากับ Chat GPT ซึ่ง ข้อดีคือการได้รับข้อมูลและคำแนะนำในเบื้องต้น แต่ก็มีความเสี่ยงหากนำข้อมูลไปใช้โดยไม่คิดวิเคราะห์ แยกแยะความถูกต้อง ตามที่เราเห็นได้จากข่าวในปัจจุบัน
.
ทั้งนี้การที่ลูกติดการพูดคุยปรึกษา Chat GPT หรือ AI ที่มากเกินไป อาจมีผลเสียกับลูกมากมายอย่างคาดไม่ถึง
.
เช่น การพูดคุยกับ AI ที่ง่าย เร็ว สะดวก พร้อมป้อนข้อมูลมากมาย อาจทำให้ลูกติดการมองตนเองเป็นศูนย์กลาง เสพติดการตอบสนองที่เร็วทันใจ ทำให้มองข้ามการพูดคุยกับคนรอบข้าง ขาดการเรียนรู้ที่จะปรับตัวสื่อสารกับผู้อื่นในชีวิตจริง ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ถูกลดทอน ทำให้พ่อแม่ไม่รู้เรื่องราวและปัญหาของลูก ซึ่งกว่าจะรู้ก็อาจสายเกินแก้ไข รวมไปถึงข้อมูลความลับของลูกที่อาจถูกเปิดเผยหรือนำไปใช้จนเกิดความเสี่ยง
.
มัมมี่B เป็นแม่คนหนึ่งที่พยายามพูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงที่ลูกเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มมีโลกส่วนตัวและมีความคิดเป็นของตัวเอง จึงอยากแชร์วิธีที่ศึกษาและใช้แล้วได้ผลจริง ทำให้ลูกอยากคุยและเล่าให้พ่อแม่ฟังมากกว่า Chat GPT มาแบ่งปันกันค่ะ
.
1. #พ่อแม่ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ใช่คนที่รู้เยอะหรือพูดสอนเก่ง (ศึกษาทักษะการฟังได้จากบทเรียนเทคนิคการสื่อสารเชิงบวกในคอร์สจัดเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่าย )
.
2. #สะสมสายสัมพันธ์และความผูกพันกับลูก โดยให้เวลาฟังลูกเล่าตั้งแต่เขายังเล็ก ฟังในทุกเรื่องที่ลูกอยากเล่า วางทุกอย่างตรงหน้า สบตาลูกอย่างอบอุ่น ใส่ใจ ไม่พูดแทรก พูดขัด หรือสอนระหว่างลูกเล่า
.
3. #เคียงข้างรับฟังลูกเพื่อที่จะเข้าใจในความรู้สึก โดยมองในมุมของเขา ทำให้ลูกไม่ต้องกลัวว่าจะถูกพ่อแม่ตำหนิ ถูกตัดสิน หรือถูกซ้ำเติม
.
4. #เคารพความเป็นส่วนตัว ยอมรับให้ได้หากลูกมีความลับหรือมีบางเรื่องที่ไม่อยากเล่า อย่าเซ้าซี้ถาม
5. #แสดงความเข้าใจในความรู้สึกเมื่อลูกเล่าจบ (ศึกษาวิธีการฟังจับสะท้อนความรู้สึกลูกได้ในคอร์สจัดเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่าย)
“แม่รู้ว่าลูกรู้สึกแย่และเสียใจมาก ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นได้ มันไม่ได้หมายความว่าลูกอ่อนแอเลย แม่เข้าใจลูกนะ"
.
5. #ภาษากายของพ่อแม่ที่อบอุ่นปลอดภัย คือสิ่งที่Ai ไม่สามารถลอกเลียนแบบ แววตา ท่าทีที่ใส่ใจ รอยยิ้มและสัมผัสทางกายที่อบอุ่น อ้อมกอดของพ่อแม่ เหล่านี้คือ สิ่งพิเศษที่ช่วยเยียวยาใจลูกได้อย่างดี
.
6. หากลูกต้องการแค่ระบาย สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ คือ #รับฟังและตอบรับในความรู้สึกของเขา ก็พอ
“ลูกเสียใจได้นะ มันไม่ผิดเลย ถ้าลูกอยากเล่าอะไรอีก แม่อยู่ตรงนี้กับหนูเสมอนะ"
.
7.หากลูกต้องการวิธีแก้ปัญหา ค่อยๆ ชวนลูกคิดหาทางแก้ไขไปด้วยกัน แล้วจึงค่อยให้คำแนะนำหากลูกต้องการ
“แม่รู้ว่าลูกเสียใจมากจริงๆ ลูกอยากจะทำอะไรให้สบายใจขึ้นไม๊ หรืออยากให้แม่ช่วยอะไรบอกมาได้เลยนะ"
.
8.ชื่นชมที่ลูกเล่า รวมถึงชื่นชมในความตั้งใจและความพยายามในการจัดการอารมณ์หรือการแก้ปัญหาของลูก (ศึกษาวิธีการชมได้ในคอร์สจัดเต็มโดยไม่มีค่าใช้จ่าย)
“ขอบคุณที่ไว้ใจเล่าให้แม่ฟัง แม่ภูมิใจมากที่ลูกอยากแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน แม่เชื่อมั่นในตัวลูกนะ แต่ถ้าไม่ไหว แม่อยู่ตรงนี้พร้อมช่วยลูกเสมอ"
9.รักษาความลับในเรื่องที่ลูกเล่า เพื่อที่เป็นคนแรกที่ลูกจะไว้ใจและนึกถึงเสมอ
เพราะความรักและความห่วงใยคือสิ่งที่พ่อแม่มีให้ แต่ chat GPT ไม่มี ยิ่งไปกว่านั้น พ่อแม่คือคนที่รู้จักลูกมากที่สุด เพียงใช้วิธีการสื่อสารที่ถูกต้อง พูดคุยกับลูกด้วยความที่เข้าใจ เชื่อเถอะค่ะ ว่า AI จะไม่มีทางแทนที่คุณค่าของความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของพ่อแม่อย่างเราได้แน่นอน
.
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการศึกษา วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกและการพูดคุย รับฟังลูกด้วยความเข้าใจ สามารถลงทะเบียนเรียนกับทาง Net PAMA ได้ใน #คอร์สจัดเต็มออนไลน์ โดยเรียนได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายที่ www.netpama.com ค่ะ ♥️
หมวดหมู่ทั้งหมด

NET PAMA