‘เป็นตัวของตัวเอง’ หัวใจสำคัญของการทำให้มีเพื่อน
เมื่อ 14 ชั่วโมงที่แล้ว
‘เป็นตัวของตัวเอง’ หัวใจสำคัญของการทำให้มีเพื่อน - #WatchandLearn จาก ‘แอ็กเนส (Agnes)’ ตัวละครใหม่จากซีรีย์สุดฮิตแห่งยุคโดยเน็ตฟลิกส์ ‘Wednesday’ บทความโดย #คุณนายข้าวกล่อง
.
‘ลูกไม่มีเพื่อนคบ’ – เชื่อว่าประเด็นนี้อาจทำให้พวกเขาชาวผู้ปกครองหลายท่านเป็นห่วงลูกของเราอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ เพราะหากให้เราลองจินตนาการไปในช่วงสมัยเด็กที่เรายังไปโรงเรียนอยู่ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมเพื่อน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราอยากหรือไม่อยากไปโรงเรียนอย่างมากเลยทีเดียว
.
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ก็เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ซีรี่ย์สุดฮอตฮิตติดกระแสที่เล่าเรื่องราวชีวิตของน้องวันพุธหรือเวนส์เดย์ (Wednesday) เด็กสาวผมเปียผู้รักในสีดำ ความดาร์ก และการไข้ปริศนาคดีฆาตกรรมสุดโหด หรือลูกสาวหนึ่งเดียวแห่งตระกูลแอดดัมส์ (Addams Family) ได้เล่าเอาไว้เช่นเดียวกันในซีซั่นที่สองที่เพิ่งออกฉายครบซีซั่นมาเมื่อเร็ว ๆ นี้
.
เพียงแต่เรื่องราวการไม่มีเพื่อนคบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเด็กสาวผมเปียผู้เลือดเย็นและยโสโอหังจากบ้าน Addams Family หากแต่เกิดกับตัวละครใหม่ในซีซั่นนี้ผู้เป็นเอฟซีตัวยงของเธอหรือ ‘แอ็กเนส (Agnes Demille)’ เด็กสาวผมสีแดงผู้คลั่งไคล้ในความเท่ห์ที่เลือดเย็นแต่เก่งกาจมากความสามารถของรุ่นพี่เวนส์เดย์เป็นอย่างมาก ถึงขั้นว่าพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เวนส์เดย์ประทับใจ เพื่อที่อย่างน้อยสุดท้ายเธออาจได้มีโอกาสเป็นเพื่อนสนิทกับรุ่นพี่สุดคูลคนนี้
.
[เนื้อหาช่วงนี้มีการสปอยล์]
.
แต่จุดเริ่มต้นของการเข้าหาเวนส์เดย์นั้นเป็นไปได้ไม่สวยเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากเธอจะพยายามถักเปียสองข้างให้เหมือนกับเวนส์เดย์แล้ว เธอยังจัดฉากเป็น stalker ไร้ตัวตนที่หวังจะขู่ฆ่าเวนส์เดย์และเพื่อนของเธอหรืออีนิด (Enid) เพื่อเรียกร้องความสนใจจากเวนส์เดย์ด้วย ซึ่งแม้เหตุการณ์สไตล์นี้จะดูดาร์กและถูกจริตน้องวันพุธของเรา แต่แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วเวนส์เดย์ก็ไม่ได้ปลื้มกับการสร้างความประทับใจแรกจากแอ็กเนส เพราะสิ่งนี้เกือบทำให้อีนิดเพื่อนสุดที่รักของเธอต้องถึงแก่ชีวิตไปเลยตั้งแต่เริ่มเปิดภาคเรียน
.
แต่ถึงอย่างนั้นแอ็กเนสก็ยังไม่ลดละความพยายาม เพราะด้วยเธอมีพลังพิเศษที่สามารถล่องหนได้ ทำให้เธอสามารถแอบติดตามเวนส์เดย์และอีนิดได้อยู่ตลอด เพื่อพยายามหาช่องว่างแทรกเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน โดยเฉพาะเวนส์เดย์ เธอพยายามจะทำทุกอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเวนส์เดย์ โดยเฉพาะเป็นคนหาข้อมูลเพื่อช่วยไขปริศนาต่าง ๆ ในเรื่องราวฆาตกรรมที่เวนส์เดย์กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะทำให้เธอและเวนส์เดย์ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น และเริ่มทำให้อินิดแอบรู้สึกอิจฉาและน้อยใจ ทำให้แอ็กเนสกลายเป็นศัตรูน่าหมั่นไส้ของอีนิดไปโดยปริยาย
.
แต่แล้วแอ็กเนสก็ต้องเจอความรู้สึกอกหักจากรุ่นพี่อีกครั้ง หลังจากที่เวนส์เดย์และอีนิดจำต้องสลับร่างกันจากคำสาปของแม่มดร้อดวูด ทำให้อีนิดในร่างเวนส์เดย์ได้พูดคุยกับแอ็กเนส และได้พบว่าแอ็กเนสพยายามจะพูดโน้มน้าวเวนส์เดย์เพื่อกำจัดเธอออกไปจากชีวิตเวนส์เดย์ด้วยความอิจฉาเธอ อีนิดในร่างเวนส์เดย์เลยปรี้ดแตก และต่อว่าแอ็กเนสไปด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง จนทำให้แอ็กเนสเสียใจมาก และหันไปเข้าร่วม support group หรือกลุ่มบำบัดของอาจารย์ออร์ลอฟ (อาจารย์ที่มีหัวอยู่ในโหลแก้วใส่น้ำ) ถึงแม้จะเป็นกลุ่มพูดคุยเพื่อฮีลใจ ‘ความรู้สึกขาดหรือเป็นส่วนเกิน’ สำหรับเหล่าอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายที่หลุดออกมาจากมนุษย์ก็ตาม (เหมือนน้องธิงหรือ Thing มือคู่ใจของเวนส์เดย์และครอบครัวแอดดัมส์)
.
“หนูคิดว่าเมื่อหนูมาอยู่ที่เนเวอร์มอร์แล้วหนูจะได้มีเพื่อนจริง ๆ สักที แต่แท้จริงแล้ว...หนูกลับรู้สึกไร้ตัวตนมากกว่าเดิมอีก” แอ็กเนสกล่าวในกลุ่มบำบัด
.
“พวกเราอยากบอกเธอว่าเราเห็นเธอ และเข้าใจความรู้สึกของเธอนะแอ็กเนส” อาจารย์ออร์ลอฟ กล่าว
.
“ถึงแม้พวกเราอาจไม่เคยรู้ว่าเราเคยอยู่กับใครมาก่อน แต่อย่าไปคิดว่าเราเป็นส่วนเกินของใคร พวกเราต่างล้วนสมบูรณ์ในตัวเอง ที่ควรค่าแก่การได้รับความรักและความเคารพ”
“พวกเราอาจเป็นมากกว่าส่วนหนึ่งของใครสักคน และบางครั้ง ส่วนหนึ่งนี้อาจยิ่งใหญ่กว่าใครสักคนที่มีร่างกายครบสมบูรณ์เสียอีก” อาจารย์ออร์ลอฟกล่าว
.
และถึงแม้ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้อีนิดและเวนส์เดย์ที่สลับร่างกันจะต่างพร้อมใจเข้าไปช่วยแอ็กเนส หลังจากที่เธอชี้เบาะแสของไทเลอร์และครอบครัว ศัตรูร้ายตัวฉกาจที่จ้องจะเล่นงานเวนส์เดย์ให้ถึงแก่ชีวิตแล้ว เวนส์เดย์ก็ยังคงไม่ปลิ้มแอ็กเนสอยู่ดี เพราะถึงแม้ว่าเธอจะช่วยเหลือเรื่องการทำคดีต่าง ๆ อย่างดี แต่สุดท้ายแล้วแอ็กเนสพยายามประจบประแจงเธอด้วยการขโมยชุดนักเรียนสีดำของเธอมาใส่ พร้อมกับย้อมสีผมเป็นสีดำและถักเปียเพื่อให้ตนเองยิ่งดูเหมือนเวนส์เดย์เข้าไปอีก สิ่งนี้เลยทำให้รุ่นพี่เวนส์เดย์ยิ่งรู้สึกไม่ชอบแอ็กเนสเอามาก ๆ เลย
.
“ฉันทำแบบนี้เพื่อรุ่นพี่นะ ฉันอยากทำให้พี่เห็นว่าพี่มีความสำคัญต่อหนูมากขนาดไหน” แอ็กเนสกล่าว
“แต่เธอทำไม่สำเร็จ!” เวนส์เดย์กล่าว (ด้วยความเย็นชาเยือกเย็นไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจตามสไตล์เธอ)
.
เหตุการณ์นี้เลยทำให้แอ็กเนสเสียใจมาก แต่ในระหว่างที่เธอกำลังล่องหนเพื่อร้องไห้ อีนิดคู่อริของเธอก็เข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยเฉกเช่นเดียวกัน อีนิดได้ยินเสียงแอ็กเนสร้องไห้เลยเรียกถาม แอ็กเนสเลยปรากฏตัวพร้อมกับเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าเวนส์เดย์เพิ่งตะโกนว่าเธอมา
.
“ยินดีด้วยนะอีนิด เธอชนะแล้วล่ะ ฉันคิดว่าฉันเป็นทุกอย่างที่พี่เขาต้องการจากเพื่อนสนิท ทั้งเป็นคนขี้ประชด ปากร้าย หรือพยายามแต่งตัวให้ดูดาร์กสไตล์โกธิกสมัยใหม่เหมือนพี่เขา รวมถึงพยายามล่าหาเบาะแสเกี่ยวกับคดีต่าง ๆ มาให้แบบสั่งปุ้บได้ปั๊บ และพร้อมที่จะเสี่ยงชีวิตทุกอย่างเพื่อช่วยแก้ไขปริศนาคดีฆาตกรรมของพี่เขา......แต่ดูเหมือนว่าฉันคิดผิดถนัดเลยล่ะ” แอ็กเนสกล่าว
.
“โลกนี้มีเวนส์เดย์ แอดดัมส์ คนเดียวก็เกินพอแล้วล่ะ ถ้าเธอไม่อยากกล่องหน จืดจาง จนโดนคนอื่นมองข้าม ก็หยุดปิดบังการเป็นตัวเองและเป็นคนอื่นเสียที เป็นยัยหนูไซโคแบบฉบับแอ็กเนสไปเลย ฉันรู้ว่าเธอจะทำมันได้ดีแน่ ๆ” อีนิดกล่าว
.
ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นของอีนิดและแอ็กเนสจะไม่ค่อยชอบกันเท่าไหร่ แต่เชื่อหรือไม่ว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ทั้งคู่ก็เริ่มเปิดใจกันมากขึ้น และแอ็กเนสก็เลยกล้าที่จะเริ่มเป็นตัวเองมากขึ้น ซึ่งนั่นทำให้เวนส์เดย์มีความรู้สึกดีต่อน้องแอ็กเนสมากขึ้นเช่นกัน จนสุดท้ายแล้วทั้งเวนส์เดย์ อีนิด และแอ็กเนสก็ได้เป็นสามทหารเสือแก๊งเพื่อนกันจริง ๆ หลังจากนั้น
.
ถึงแม้ว่ามันปฏิเสธไม่ได้ว่าเราอาจต้องคล้อยตามหรือปรับตัวให้เหมือนกับคนส่วนใหญ่เพื่อให้ได้การยอมรับและทำให้สามารถอยู่รอดได้ในสังคม แต่สุดท้ายการปรับตัวที่ ‘เปลี่ยนทุกอย่างแม้กระทั่งตัวเราเพียงเพื่อให้ตอบโจทย์กับสังคม’ ก็คงไม่ใช่ทางออกเพื่อทำให้ใช้ชีวิตอยู่รอดในสังคมสักเท่าไหร่เหมือนกัน
.
‘การกลับมาเป็นตัวเอง’ เลยกลายเป็นคำตอบที่แม้ดูเหมือนจะขัดกับระเบียบของการเข้าสังคม แต่ดันเป็นหันทางออกที่ช่วยแก้ปัญหาการปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้เช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าบางครั้งเราอาจต้องยอม คล้อยตาม หรือต้องเปลี่ยนมุมมองและลักษณะนิสัยบางอย่างเพื่อทำให้ได้รับการยอมรับจากคนอื่น แต่มันก็เหนื่อยเหมือนกันที่จะต้องทำแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุด มันปฏิเสธไม่ได้ที่จะทำให้เราเห็นคุณค่าของตัวเองน้อยลง จนสุดท้ายคนอื่นก็เห็นคุณค่าของเราน้อยลงเพราะเป็นได้แค่เพียงผู้ตอบสนองความต้องการของคนอื่น (จากที่เราคิดกับตัวเองว่าเราเป็นได้แค่ผู้ตอบสนองความต้องการของคนอื่น) และยิ่งกลายเป็นบุคคลที่ไร้ตัวตนในสายตาของคนอื่นและตนเองอย่างน่าเศร้า
.
และเพราะสุดท้ายแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่า ‘มันก็จะมีคนจำพวกหนึ่งที่ไม่ชอบความเป็นเราอยู่ดี’ เพราะฉะนั้น เราคงอาจต้องกลับมาถามตัวเราเองว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตไปในเส้นทางไหนกับความเป็นจริงของการอยู่ร่วมกันในสังคมข้อนี้ ระหว่าง “เพราะสุดท้ายแล้วก็จะมีคนไม่ชอบฉัน ฉันเลยต้องใส่ใจและทำเพื่อคนอื่นอย่างถึงที่สุดแม้มันจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม” หรือ “เพราะสุดท้ายแล้วก็จะมีคนไม่ชอบฉัน ฉันเลยช่างมัน และกลับมาเป็นตัวเองแบบสุด ๆ เสียดีกว่า เพราะฉันไม่อยากเหนื่อยแล้ว ฉันอยากใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข”
.
เพราะฉะนั้น หากลูกหรือใครกำลังประสบปัญหาเพื่อนไม่คบ การกลับมาเป็นตัวเองก็อาจเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้พวกเขามีภูมิต้านทานจากการโดนคนไม่ชอบ ที่เป็นสัจธรรมของการอยู่ร่วมกันในสังคม ทำให้เขาสามารถเติบโตและเฉิดฉายความเป็นตัวเองได้อย่างมีความสุขมากขึ้นเช่นกัน เพราะก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในวันที่เรา ลูก หรือใครคนไหนมีความมั่นใจ มีความกล้าแสดงออกและเป็นตัวเองอย่างขีดสุดและเต็มไปด้วยความสุข คน ๆ นั้นช่างมีเสน่ห์มากเหลือเกิน จนทำเราเองอยากเข้าไปทำความรู้จักหรือแอบมองอยู่ห่าง ๆ ด้วยความชื่นชม
.
และสุดท้ายแล้วแม้ว่าสังคมโรงเรียนหรือสังคมไหนไม่ยอมรับความเป็นลูกของเรา #คุณนายข้าวกล่อง ยังเชื่อเหลือเกินว่า คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองอย่างเรายังคงเป็นสังคมที่พร้อมยอมรับความเป็นลูกของเราได้เสมอ และนั่นจะเป็นพลังใจสำคัญที่ทำให้ลูกเริ่มเชื่อมั่นในความเป็นตัวเอง และค่อย ๆ ผ่านพ้นปัญหาการเข้าสังคมนี้ไปได้เช่นกัน
.
และหากใครต้องการหาวิธีหรือทักษะที่ช่วยให้ลูกหรือเราสามารถปรับตัวให้อยู่ในสังคมแต่ยังคงความเป็นตัวเองเพิ่มเติม สามารถมาเรียนรู้ต่อได้ฟรีเลยที่ www.netpama.com

เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ