สอนให้ลูก “สู้เป็น” เมื่อโดนแกล้งรังแก
เมื่อ 17 ชั่วโมงที่แล้ว
สอนให้ลูก “สู้เป็น” เมื่อโดนแกล้งรังแก บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
เมื่อลูกถูกแกล้ง ถูกเพื่อนรุมล้อเลียนหรือโดนรังแกจนจิตใจบอบช้ำ การสอนให้ลูกคิดบวก เดินหนี อดทนไม่ตอบโต้ หรือแม้แต่สอนลูกให้สู้กลับทันที อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป
.
ในความเป็นจริง พ่อแม่ต้องสอนให้ลูก “คิดเป็น” ตั้งสติจัดการกับอารมณ์ของตนเองเพื่อคิดหาวิธีแก้ปัญหา สอนให้ลูก “สู้เป็น” สามารถเลือกวิธีปกป้องตนเอง หรือตอบโต้เมื่อจำเป็นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้
.
เมื่อรู้ว่าลูกถูกแกล้งหรือโดนรังแก พ่อแม่สามารถช่วยลูกได้ดังนี้
.
1. #พร้อมรับฟังลูกอย่างเข้าใจ ไม่รีบสรุปหรือหาคนผิด ทำให้ลูกอุ่นใจว่าไม่ว่าจะเจอเรื่องหนักแค่ไหนจะมีพ่อแม่ที่คอยรับฟัง และเข้าใจทุกความรู้สึกของเขาเสมอ เมื่อได้เล่าจะทำให้ลูกได้ทบทวนและเข้าใจในความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน
.
“ใครทำ เล่ามาเดี๋ยวนี้”
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรอยากเล่าให้แม่ฟังมั้ย แม่พร้อมจะฟังลูกทุกเรื่องนะ“
.
2. #โอบกอดยอมรับทุกความรู้สึกของลูก เพื่อเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เขาอย่างแท้จริง อย่ารีบเค้นถามแม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด ให้เวลากับลูกได้ทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้น
.
”เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้…ว่าเพื่อนแกล้งอะไร”
“แม่เข้าใจจริงๆ ลูกเสียใจแค่ไหน แม่อยู่ตรงนี้กับลูกนะ”
.
3. #อย่ารีบสอนหรือตำหนิลูก แม้จะพูดเพราะรักและห่วงที่ลูกไม่ปกป้องตัวเอง แต่ลูกจะคิดว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจและถูกซ้ำเติม ควรแสดงให้ลูกรู้ว่า เราเข้าใจและเชื่อมั่นว่า เขาเองได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
.
“เรื่องแค่นี้เอง แล้วทำไมไม่สู้กลับหรือบอกครูล่ะ”
“แม่เชื่อว่า…ลูกพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ”
.
4.#ยืนยันว่าการถูกแกล้งไม่ใช่ความผิดของลูก แต่เป็นความผิดของผู้กระทำ ไม่ว่าใครจะพูดว่าอย่างไรลูกมีคุณค่าและดีพอสำหรับพ่อแม่เสมอ
.
“ก็ลูกอ่อนแอยอมเค้าแบบนี้ไง เลยโดนแกล้งอยู่ตลอด”
“แม่รู้ว่าลูกต้องอดทนแค่ไหน แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ มันไม่ใช่ความผิดของลูกเลย แม่มั่นใจว่าลูกจะผ่านปัญหานี้ไปได้ เราจะรับมือกับเรื่องนี้ไปด้วยกัน”
.
5. #ฝึกให้ลูกได้คิดหาวิธีแก้ปัญหา โดยให้ลูกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิด พร้อมเป็นที่ปรึกษาเมื่อลูกต้องการความช่วยเหลือ ไม่รีบบอกวิธีแก้แต่ใช้คำถามช่วยให้ลูกได้คิดหาทางแก้ไข เพราะในความเป็นจริงแล้ว ลูกต้องเลือกวิธีแก้ปัญหาเองให้เหมาะสมตามสถานการณ์ตรงหน้า
.
“แม่จะไปคุยกับครูและพ่อแม่ของเพื่อนให้รู้เรื่อง”
“ลูกคิดว่าเรื่องนี้เกิดจากอะไร ลูกอยากทำยังไงต่อ มีอะไรให้แม่ช่วยได้บ้าง แม่เชื่อมั่นและอยู่ข้างลูกเสมอนะ”
.
6. #แจ้งคุณครูหรือทางโรงเรียนให้ช่วยดูแลสอดส่องหากจำเป็น โดยติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพราะในบางครั้ง ปัญหาอาจยากเกินกว่าจะปล่อยให้ลูกแก้ได้เองตามลำพัง ขึ้นกับระดับความรุนแรงของการกลั่นแกล้งและพฤติกรรมของคู่กรณีด้วย
.
“ลูกแม่ถูกรังแก ครูต้องจัดการเด็กคนนั้นนะคะ”
“ทั้งตัวลูกและครอบครัวจะพยายามแก้ปัญหานี้อย่างเต็มที่ รบกวนคุณครูช่วยดูแลใกล้ชิด ทางเราพร้อมร่วมมือกับทางโรงเรียนเพื่อแก้ปัญหานี้ไปด้วยกันค่ะ”
.
ไม่ว่าลูกจะอยู่ในสังคมแบบไหน เขาจะต้องเจอผู้คนที่แตกต่างหลากหลายเสมอ เราไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงหรือพฤติกรรมของคนที่ลูกต้องพบเจอได้ สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ดีที่สุด คือการปลูกฝังสร้างทักษะจำเป็น และสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ เพื่อให้ลูกสามารถดูแลและปกป้องดูแลตัวเองได้
.
ทำให้ “บ้าน” เป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่ว่าโลกจะใจร้ายกับเขาแค่ไหน ลูกจะมีพ่อแม่เป็นที่พึ่งพิงกายใจได้เสมอ
.
สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการ #สร้างทักษะและวินัยในการดูแลตัวเอง และ #สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพื่อเป็น self esteem ที่ดีให้กับลูก สามารถ #เข้าเรียนออนไลน์ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในคอร์สจัดเต็ม ซึ่งจัดทำโดยทีมจิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา ที่ https://www.netpama.com/ มีทั้งคลิปวีดิโอเรื่องราว ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้เลยได้จริง
Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก
Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม
#Netpama #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก
.
เมื่อลูกถูกแกล้ง ถูกเพื่อนรุมล้อเลียนหรือโดนรังแกจนจิตใจบอบช้ำ การสอนให้ลูกคิดบวก เดินหนี อดทนไม่ตอบโต้ หรือแม้แต่สอนลูกให้สู้กลับทันที อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป
.
ในความเป็นจริง พ่อแม่ต้องสอนให้ลูก “คิดเป็น” ตั้งสติจัดการกับอารมณ์ของตนเองเพื่อคิดหาวิธีแก้ปัญหา สอนให้ลูก “สู้เป็น” สามารถเลือกวิธีปกป้องตนเอง หรือตอบโต้เมื่อจำเป็นให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้
.
เมื่อรู้ว่าลูกถูกแกล้งหรือโดนรังแก พ่อแม่สามารถช่วยลูกได้ดังนี้
.
1. #พร้อมรับฟังลูกอย่างเข้าใจ ไม่รีบสรุปหรือหาคนผิด ทำให้ลูกอุ่นใจว่าไม่ว่าจะเจอเรื่องหนักแค่ไหนจะมีพ่อแม่ที่คอยรับฟัง และเข้าใจทุกความรู้สึกของเขาเสมอ เมื่อได้เล่าจะทำให้ลูกได้ทบทวนและเข้าใจในความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน
.
“ใครทำ เล่ามาเดี๋ยวนี้”

“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรอยากเล่าให้แม่ฟังมั้ย แม่พร้อมจะฟังลูกทุกเรื่องนะ“

.
2. #โอบกอดยอมรับทุกความรู้สึกของลูก เพื่อเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เขาอย่างแท้จริง อย่ารีบเค้นถามแม้จะยังไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด ให้เวลากับลูกได้ทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้น
.
”เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้…ว่าเพื่อนแกล้งอะไร”

“แม่เข้าใจจริงๆ ลูกเสียใจแค่ไหน แม่อยู่ตรงนี้กับลูกนะ”

.
3. #อย่ารีบสอนหรือตำหนิลูก แม้จะพูดเพราะรักและห่วงที่ลูกไม่ปกป้องตัวเอง แต่ลูกจะคิดว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจและถูกซ้ำเติม ควรแสดงให้ลูกรู้ว่า เราเข้าใจและเชื่อมั่นว่า เขาเองได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
.
“เรื่องแค่นี้เอง แล้วทำไมไม่สู้กลับหรือบอกครูล่ะ”

“แม่เชื่อว่า…ลูกพยายามเต็มที่แล้วจริงๆ”

.
4.#ยืนยันว่าการถูกแกล้งไม่ใช่ความผิดของลูก แต่เป็นความผิดของผู้กระทำ ไม่ว่าใครจะพูดว่าอย่างไรลูกมีคุณค่าและดีพอสำหรับพ่อแม่เสมอ
.
“ก็ลูกอ่อนแอยอมเค้าแบบนี้ไง เลยโดนแกล้งอยู่ตลอด”

“แม่รู้ว่าลูกต้องอดทนแค่ไหน แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ มันไม่ใช่ความผิดของลูกเลย แม่มั่นใจว่าลูกจะผ่านปัญหานี้ไปได้ เราจะรับมือกับเรื่องนี้ไปด้วยกัน”

.
5. #ฝึกให้ลูกได้คิดหาวิธีแก้ปัญหา โดยให้ลูกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิด พร้อมเป็นที่ปรึกษาเมื่อลูกต้องการความช่วยเหลือ ไม่รีบบอกวิธีแก้แต่ใช้คำถามช่วยให้ลูกได้คิดหาทางแก้ไข เพราะในความเป็นจริงแล้ว ลูกต้องเลือกวิธีแก้ปัญหาเองให้เหมาะสมตามสถานการณ์ตรงหน้า
.
“แม่จะไปคุยกับครูและพ่อแม่ของเพื่อนให้รู้เรื่อง”

“ลูกคิดว่าเรื่องนี้เกิดจากอะไร ลูกอยากทำยังไงต่อ มีอะไรให้แม่ช่วยได้บ้าง แม่เชื่อมั่นและอยู่ข้างลูกเสมอนะ”

.
6. #แจ้งคุณครูหรือทางโรงเรียนให้ช่วยดูแลสอดส่องหากจำเป็น โดยติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพราะในบางครั้ง ปัญหาอาจยากเกินกว่าจะปล่อยให้ลูกแก้ได้เองตามลำพัง ขึ้นกับระดับความรุนแรงของการกลั่นแกล้งและพฤติกรรมของคู่กรณีด้วย
.
“ลูกแม่ถูกรังแก ครูต้องจัดการเด็กคนนั้นนะคะ”

“ทั้งตัวลูกและครอบครัวจะพยายามแก้ปัญหานี้อย่างเต็มที่ รบกวนคุณครูช่วยดูแลใกล้ชิด ทางเราพร้อมร่วมมือกับทางโรงเรียนเพื่อแก้ปัญหานี้ไปด้วยกันค่ะ”

.
ไม่ว่าลูกจะอยู่ในสังคมแบบไหน เขาจะต้องเจอผู้คนที่แตกต่างหลากหลายเสมอ เราไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงหรือพฤติกรรมของคนที่ลูกต้องพบเจอได้ สิ่งที่พ่อแม่ทำได้ดีที่สุด คือการปลูกฝังสร้างทักษะจำเป็น และสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ เพื่อให้ลูกสามารถดูแลและปกป้องดูแลตัวเองได้
.
ทำให้ “บ้าน” เป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่ว่าโลกจะใจร้ายกับเขาแค่ไหน ลูกจะมีพ่อแม่เป็นที่พึ่งพิงกายใจได้เสมอ
.
สำหรับพ่อแม่ที่ต้องการ #สร้างทักษะและวินัยในการดูแลตัวเอง และ #สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว เพื่อเป็น self esteem ที่ดีให้กับลูก สามารถ #เข้าเรียนออนไลน์ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในคอร์สจัดเต็ม ซึ่งจัดทำโดยทีมจิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา ที่ https://www.netpama.com/ มีทั้งคลิปวีดิโอเรื่องราว ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้เลยได้จริง

Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก
Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม
#Netpama #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก

เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ