วิธีเป็นพ่อแม่ที่มีความสุข ด้วยการเลี้ยงลูกเชิงบวก
เมื่อ 15 ชั่วโมงที่แล้ว
วิธีเป็นพ่อแม่ที่มีความสุข ด้วยการเลี้ยงลูกเชิงบวก บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
ในวันที่เป็นพ่อแม่ ภาพในฝันของทุกครอบครัวมักเป็นภาพแห่งความสุข แต่ในชีวิตจริงหลายคนกลับแสนเหน็ดเหนื่อย จมอยู่กับความเครียดและความกดดัน เพียงเพราะต้องการทำหน้าที่พ่อแม่ให้ดีและสมบูรณ์แบบที่สุด
.
เมื่องานก็ต้องทำ เงินก็ต้องหา เวลาก็อยากจะมีให้ลูกมากๆ ยิ่งพยายาม ตั้งความหวังกับตัวเอง คู่ชีวิต ลูก หรือคนรอบข้างมากเท่าไหร่ กลับพบว่า ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ทำให้พ่อแม่และลูกยิ่งทุกข์ ยิ่งบั่นทอนความสัมพันธ์ในครอบครัว
.
วันนี้ มัมมี่B มีข้อแนะนำเพื่อที่จะปรับใช้ #หลักการเลี้ยงลูกเชิงบวก มาช่วยปรับวิธีคิดและเป็นแนวทางปฎิบัติจริงที่จะทำให้เราเป็นพ่อแม่ที่มีความสุขขึ้นได้มาแนะนำกันค่ะ
.
1.#ให้เวลาและความสำคัญในการดูแลตัวเอง
.
พ่อแม่ควรได้กินอาหารที่ชอบ ออกกำลังกาย มีเวลาทำกิจกรรมที่ตัวเองรัก พักผ่อนให้เพียงพอ หากต้องการความช่วยเหลือให้คุยเปิดใจกับคนในครอบครัวทันที
.
เพราะพ่อแม่ที่มีความสุข จึงจะสามารถส่งต่อความสุขและพลังชีวิตบวกให้กับลูกได้ ลูกจะเป็นกระจกสะท้อนตัวเรา เขาจะเรียนรู้ซึมซับการกระทำ อารมณ์และทัศนคติชีวิตครอบครัวจากพ่อแม่ในทุกๆวัน
.
2.#ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ดีมากกว่าความสมบูรณ์แบบ
.
ยอมรับว่าการไม่ได้ดังใจ หรือ ความผิดพลาด คือส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ของทุกคนเพื่อเติบโต เราและลูกสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้โดยไม่มีใครต้องสมบูรณ์แบบ
.
ลดความคาดหวังลง ทำทุกวันให้ดีเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ผิดพลาดค่อยๆหาวิธีศึกษาเรียนรู้เพื่อแก้ไข ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ทั้งพ่อแม่ลูก และทุกคนในครอบครัวผ่อนคลายมีความสุขได้มากขึ้น
.
3.#สร้างสภาพแวดล้อมด้วยความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
.
สิ่งสำคัญอันดับแรกของการเลี้ยงลูกเชิงบวกคือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว การบอกให้รู้ว่ารัก ใส่ใจในความรู้สึก แสดงออกถึงความห่วงใย การบอกรัก ห่วงใย ขอบคุณ ขอโทษ ใช้เวลาพูดคุยกันบ่อยๆ เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวเข้าใจและยอมรับในความรู้สึกของกัน
.
รวมถึงการที่ได้บอกความรู้สึกและความต้องการของตนเองได้โดยไม่ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกของผู้อื่น ด้วยเทคนิค I message (ป๊าม้าเมสเสจ) ทำให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดภัยเต็มไปด้วยความรัก และความเข้าใจ เป็นแหล่งชาร์ตพลังใจให้กับทุกคน
.
4.#ฝึกวินัยและทักษะตามวัยให้กับลูกเพื่อแบ่งเบาให้พ่อแม่
.
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการเลี้ยงลูกเชิงบวก คือ การฝึกวินัยและทักษะตามวัยให้กับลูก แล้วค่อยๆ ขยายขอบเขตความรับผิดชอบ ความมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การมอบหมายงานบ้าน ทำเพื่อส่วนรวม
.
เมื่อลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีวินัย มีน้ำใจช่วยพ่อแม่และรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น จะไม่เพียงเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้กับพ่อแม่ แต่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้ทั้งเราและลูกสุขใจ ภูมิใจและรู้คุณค่าในตนเองด้วย
.
5.#รู้คุณค่าของตนเองด้วยการฝึกชื่นชมตัวเองและผู้อื่น
.
คำชมไม่ว่าใครได้รับก็ใจฟูไปด้วยความสุข พ่อแม่ควรชมให้เป็น เริ่มด้วยการรู้จักชื่นชมตนเองในทุกๆวัน ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น มื้ออาหารที่ทำด้วยใจ วันนี้ระงับอารมณ์ได้ทั้งๆที่โกรธลูกมาก หรือเมื่อเสร็จงานรีบกลับบ้านมาใช้เวลาคุณภาพกับลูกเท่าที่ทำได้ เราคือพ่อแม่ที่ดีพอแล้ว
.
พ่อแม่ควรฝึกชื่นชมตัวเองและผู้อื่นได้ทุกวัน โดยกล่าวชมในสิ่งที่เป็นจริง ชมทันที ชมแม้เป็นเรื่องเล็กๆ ชมในสิ่งดีๆ ที่ต่างทำให้กัน ให้ค่าและชื่นชมในความพยายามของทุกคนเพื่อเป็นกำลังใจ
.
ใจดีกับตัวเองและผู้อื่นเมื่อเกิดความผิดพลาด อย่าโทษตัวเอง ให้คุณค่ากับความพยายามในที่ผ่านมา แม้ผลลัพธ์จะยังไม่เป็นดังใจ หากพ่อแม่ทำได้จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการรับรู้คุณค่าของตนเองให้กับลูกด้วย
.
เพราะความเป็นพ่อแม่คือ หน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ พ่อแม่จึงต้องรักษาสมดุลระหว่างหน้าที่ ความสุขและความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อทำให้ตัวเราและบ้านของเราเป็นพื้นที่แห่งความสุข อบอุ่นและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว
.
Netpama อยากเห็นทุกคนมีความสุขและรอยยิ้ม คอร์สเรียนของเราจึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ในเรื่อง “#การสื่อสารสร้างความสัมพันธ์ที่ดี“ ควบคู่ไปกับ “#การสร้างวินัยที่ดี” ให้กับลูก ทำให้เกิดเป็นความสุขที่ยั่งยืนในครอบครัว ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับลูกและเราได้เลยค่ะ
.
บทเรียนพ่อแม่จะได้เรียนรู้ถึง
ปัจจัยต่างๆในการปรับพฤติกรรมลูก
ทักษะในการสื่อสาร เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกและทุกคนในครอบครัว เทคนิค ป๊าม้า I Messaged
เทคนิคการชม สร้างกำลังใจ
การให้รางวัลที่ถูกต้อง
การลงโทษลูกที่ถูกวิธี
.
เพื่อทุกคนจะเติบโตด้วยรอยยิ้มตลอดไป สามารถลงทะเบียน #เรียนฟรี ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ https://www.netpama.com ค่ะ
.
ในวันที่เป็นพ่อแม่ ภาพในฝันของทุกครอบครัวมักเป็นภาพแห่งความสุข แต่ในชีวิตจริงหลายคนกลับแสนเหน็ดเหนื่อย จมอยู่กับความเครียดและความกดดัน เพียงเพราะต้องการทำหน้าที่พ่อแม่ให้ดีและสมบูรณ์แบบที่สุด
.
เมื่องานก็ต้องทำ เงินก็ต้องหา เวลาก็อยากจะมีให้ลูกมากๆ ยิ่งพยายาม ตั้งความหวังกับตัวเอง คู่ชีวิต ลูก หรือคนรอบข้างมากเท่าไหร่ กลับพบว่า ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ ทำให้พ่อแม่และลูกยิ่งทุกข์ ยิ่งบั่นทอนความสัมพันธ์ในครอบครัว
.
วันนี้ มัมมี่B มีข้อแนะนำเพื่อที่จะปรับใช้ #หลักการเลี้ยงลูกเชิงบวก มาช่วยปรับวิธีคิดและเป็นแนวทางปฎิบัติจริงที่จะทำให้เราเป็นพ่อแม่ที่มีความสุขขึ้นได้มาแนะนำกันค่ะ
.
1.#ให้เวลาและความสำคัญในการดูแลตัวเอง
.
พ่อแม่ควรได้กินอาหารที่ชอบ ออกกำลังกาย มีเวลาทำกิจกรรมที่ตัวเองรัก พักผ่อนให้เพียงพอ หากต้องการความช่วยเหลือให้คุยเปิดใจกับคนในครอบครัวทันที
.
เพราะพ่อแม่ที่มีความสุข จึงจะสามารถส่งต่อความสุขและพลังชีวิตบวกให้กับลูกได้ ลูกจะเป็นกระจกสะท้อนตัวเรา เขาจะเรียนรู้ซึมซับการกระทำ อารมณ์และทัศนคติชีวิตครอบครัวจากพ่อแม่ในทุกๆวัน
.
2.#ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ที่ดีมากกว่าความสมบูรณ์แบบ
.
ยอมรับว่าการไม่ได้ดังใจ หรือ ความผิดพลาด คือส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ของทุกคนเพื่อเติบโต เราและลูกสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้โดยไม่มีใครต้องสมบูรณ์แบบ
.
ลดความคาดหวังลง ทำทุกวันให้ดีเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ผิดพลาดค่อยๆหาวิธีศึกษาเรียนรู้เพื่อแก้ไข ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้ทั้งพ่อแม่ลูก และทุกคนในครอบครัวผ่อนคลายมีความสุขได้มากขึ้น
.
3.#สร้างสภาพแวดล้อมด้วยความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
.
สิ่งสำคัญอันดับแรกของการเลี้ยงลูกเชิงบวกคือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว การบอกให้รู้ว่ารัก ใส่ใจในความรู้สึก แสดงออกถึงความห่วงใย การบอกรัก ห่วงใย ขอบคุณ ขอโทษ ใช้เวลาพูดคุยกันบ่อยๆ เพื่อให้ทุกคนในครอบครัวเข้าใจและยอมรับในความรู้สึกของกัน
.
รวมถึงการที่ได้บอกความรู้สึกและความต้องการของตนเองได้โดยไม่ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกของผู้อื่น ด้วยเทคนิค I message (ป๊าม้าเมสเสจ) ทำให้บ้านเป็นพื้นที่ปลอดภัยเต็มไปด้วยความรัก และความเข้าใจ เป็นแหล่งชาร์ตพลังใจให้กับทุกคน
.
4.#ฝึกวินัยและทักษะตามวัยให้กับลูกเพื่อแบ่งเบาให้พ่อแม่
.
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการเลี้ยงลูกเชิงบวก คือ การฝึกวินัยและทักษะตามวัยให้กับลูก แล้วค่อยๆ ขยายขอบเขตความรับผิดชอบ ความมีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น เช่น การมอบหมายงานบ้าน ทำเพื่อส่วนรวม
.
เมื่อลูกสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีวินัย มีน้ำใจช่วยพ่อแม่และรู้จักช่วยเหลือผู้อื่น จะไม่เพียงเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระให้กับพ่อแม่ แต่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้ทั้งเราและลูกสุขใจ ภูมิใจและรู้คุณค่าในตนเองด้วย
.
5.#รู้คุณค่าของตนเองด้วยการฝึกชื่นชมตัวเองและผู้อื่น
.
คำชมไม่ว่าใครได้รับก็ใจฟูไปด้วยความสุข พ่อแม่ควรชมให้เป็น เริ่มด้วยการรู้จักชื่นชมตนเองในทุกๆวัน ไม่ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นเรื่องเล็กๆ เช่น มื้ออาหารที่ทำด้วยใจ วันนี้ระงับอารมณ์ได้ทั้งๆที่โกรธลูกมาก หรือเมื่อเสร็จงานรีบกลับบ้านมาใช้เวลาคุณภาพกับลูกเท่าที่ทำได้ เราคือพ่อแม่ที่ดีพอแล้ว
.
พ่อแม่ควรฝึกชื่นชมตัวเองและผู้อื่นได้ทุกวัน โดยกล่าวชมในสิ่งที่เป็นจริง ชมทันที ชมแม้เป็นเรื่องเล็กๆ ชมในสิ่งดีๆ ที่ต่างทำให้กัน ให้ค่าและชื่นชมในความพยายามของทุกคนเพื่อเป็นกำลังใจ
.
ใจดีกับตัวเองและผู้อื่นเมื่อเกิดความผิดพลาด อย่าโทษตัวเอง ให้คุณค่ากับความพยายามในที่ผ่านมา แม้ผลลัพธ์จะยังไม่เป็นดังใจ หากพ่อแม่ทำได้จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการรับรู้คุณค่าของตนเองให้กับลูกด้วย
.
เพราะความเป็นพ่อแม่คือ หน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ พ่อแม่จึงต้องรักษาสมดุลระหว่างหน้าที่ ความสุขและความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อทำให้ตัวเราและบ้านของเราเป็นพื้นที่แห่งความสุข อบอุ่นและปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว
.
Netpama อยากเห็นทุกคนมีความสุขและรอยยิ้ม คอร์สเรียนของเราจึงถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ในเรื่อง “#การสื่อสารสร้างความสัมพันธ์ที่ดี“ ควบคู่ไปกับ “#การสร้างวินัยที่ดี” ให้กับลูก ทำให้เกิดเป็นความสุขที่ยั่งยืนในครอบครัว ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับลูกและเราได้เลยค่ะ
.
บทเรียนพ่อแม่จะได้เรียนรู้ถึง





.
เพื่อทุกคนจะเติบโตด้วยรอยยิ้มตลอดไป สามารถลงทะเบียน #เรียนฟรี ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ https://www.netpama.com ค่ะ

เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ