เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่รู้จักเมตตาตัวเอง
#เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่รู้จักเมตตาตัวเอง
#ในวันที่อะไรๆไม่เป็นไปอย่างใจหวัง #ลูกจะยังใจดีกับตัวเองได้
ในปัจจุบันสังคมเราให้คุณค่ากับคนที่ประสบความสำเร็จมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่สอบได้โรงเรียนดัง สอบติดคณะยอดฮิต ได้เรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำ หรือแม้แต่คนที่มีหน้าที่การงานที่ดี มีเงินเดือนสูง มีธุรกิจตั้งแต่อายุน้อย บุคคลเหล่านี้ล้วนได้รับการชื่มชม การยอมรับจากสังคม และนับว่าเป็นต้นแบบที่ทำให้เด็กหลาย ๆ คนได้รับแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง พากเพียร พยายาม มุ่งมั่น แข่งขัน เพื่อให้ตนเองเป็นคนที่ประสบความสำเร็จแบบที่สังคมยอมรับและให้คุณค่า
.
แต่การต้องพยายามเป็นคนเก่ง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสายตาใคร ๆ ก็เป็นสิ่งที่กดดันไม่น้อยสำหรับเด็กคนนึง และสิ่งที่จะลืมคิดไปไม่ได้เลยนั่นก็คือ #ไม่ใช่ทุกคนจะประสบความสำเร็จ #ความผิดพลาดล้มเหลวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
.
ในวันที่ลูกของเราต้องประสบพบเจอกับความผิดพลาดหรือความล้มเหลว เขาอาจจะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ มองว่าตนเองไร้ความสามารถ ผิดหวังในตัวเอง ตำหนิและโทษตัวเอง และอาจจะรู้สึกว่าตนเองไม่ถูกยอมรับในสายตาผู้อื่น
.
วันนี้ Net PAMA จึงอยากจะชวนพ่อแม่มาทำความรู้จักวิธีการดี ๆ ที่จะช่วยให้ลูกของเราเป็นเด็กที่รู้จักเมตตาต่อตัวเอง (self - compassion) เมื่อถึงวันที่อะไร ๆ ไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง เขาก็จะยังใจดีกับตัวเองได้
.
การเมตตาต่อตัวเอง (self - compassion) คืออะไร
การเมตตาต่อตัวเองคือ #การเห็นอกเห็นใจตัวเอง ในแบบเดียวกันกับที่เราเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แม้ว่าเราจะต้องประสบกับความผิดหวัง ก็ยังสามารถยอมรับตัวเองได้ ยังปฏิบัติกับตัวเองอย่างอบอุ่น อ่อนโยน ไม่ละเลยความรู้สึกตัวเอง และยอมรับในสัจธรรมชีวิตที่ว่า “ ความยากลำบาก ความท้าทายหรือแม้แต่ความผิดหวัง ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทุกคนจะต้องพบเจอและฝ่าฟันมันไปให้ได้ ”
.
ทำไมพ่อแม่ต้องสอนให้ลูกรู้จักเมตตาตัวเอง
ความเมตตาต่อตัวเองจะช่วยให้ลูกของเรารับมือกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขาต้องเจอกับความล้มเหลว พ่ายแพ้หรือผิดหวังได้ โดยที่ยังมีสุขภาพจิตที่ดี
.
ความเมตตาต่อตัวเองจะช่วยให้ลูกรู้สึกโอเคเมื่อต้องผิดหวัง และรับมือกับความผิดหวังในเชิงบวก
เมื่อเขาต้องพ่ายแพ้ในการแข่งขัน เขาจะบอกกับตัวเองได้ว่า…
“ หนูรู้สึกผิดหวัง แต่หนูดีใจที่ได้พยายามทำให้ดีที่สุด ”
“ ครั้งหน้าหนูจะลองพยายามอีกครั้ง ”
.
เด็กที่เมตตาตัวเองเป็น มีคุณลักษณะ 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1.ใจดีกับตัวเอง (self - kindness) เหมือนกับที่ใจดีต่อคนอื่น ๆ สามารถยอมรับทั้งจุดดีและจุดบกพร่องของตัวเองได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่ตำหนิ หรือโทษตัวเอง ในวันที่ต้องผิดหวัง
เด็กที่ใจดีกับตัวเอง เมื่อเขามีความทุกข์ เขาจะดูแลจิตใจตัวเอง ปลอบโยนตัวเอง ให้กำลังใจและให้อภัยตัวเองได้ ไม่ต่างไปจากตอนที่เขาให้กำลังใจและปลอบโยนคนอื่นในยามที่คนอื่นมีความทุกข์
.
2.เข้าใจความเป็นมนุษย์ (common humanity) ตระหนักรู้ว่าในโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ทุกคนมีข้อบกพร่องและสามารถทำผิดพลาดได้ ความผิดหวังเป็นสิ่งที่ทุกคนประสบพบเจอได้ตลอดเส้นทางชีวิต ความล้มเหลวก็เป็นเพียงบทเรียนบทหนึ่ง ล้มเหลวหนึ่งครั้งใช่ว่าชีวิตจะล้มเหลวตลอดไป
.
3.มีสติอยู่กับปัจจุบัน (mindfulness) หมายถึงการรับรู้และเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ เมื่อเขามีอารมณ์ทางลบ เช่น โกรธ ผิดหวัง เสียใจ แทนที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึก ต่อต้านอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายในใจ เขาจะยอมรับและอยู่กับอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม ไม่เอาอารมณ์ทางลบนั้นมาตัดสินตัวเองว่าเป็นคนไม่ดี จนต้องตำหนิหรือลงโทษตัวเอง
“เพราะหนูทำผิดพลาด สมควรแล้วที่จะโดนทุกคนเกลียด”
“เพราะหนูล้มเหลว หนูจึงไม่สมควรที่จะมีความสุข”
เด็กที่มีสติอยู่กับปัจจุบันเขาจะรับมือกับความผิดหวังได้โดยไม่สูญเสียคุณค่าในตนเอง (self - essteem)
หากต้องผิดหวังล้มเหลวในเรื่องใดก็ตาม เขาจะบอกกับตัวเองได้ว่า…
“งานที่ล้มเหลว ไม่ใช่ตัวเขาที่ล้มเหลว”
.
เมื่อลูกของเราเรียนรู้ที่จะเมตตาต่อตัวเอง เขาจะ…
#มีความสุขมากขึ้น
#มีความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น
#มีแนวโน้มที่จะกล้าทำอะไรใหม่ๆ
#ไม่ยอมแพ้กับความผิดพลาด
#มีความยืดหยุ่น
#ล้มแล้วลุกได้
.
เด็กที่มีความเมตตาต่อตัวเองมักจะเข้ากับเพื่อนได้ดี ใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และมีความเสี่ยงน้อยมากที่จะปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล ฯลฯ
.
#ความเมตตาต่อตัวเองเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เข้มแข็ง
ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดี การได้รับการเอาใจใส่ การสนับสนุนจากครอบครัว จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ส่งผลให้ลูกมีความมั่นใจ กล้าที่จะทำอะไรใหม่ ๆ ให้โอกาสตัวเองได้ลองผิดลองถูก ไม่กลัวที่จะเผชิญกับความท้าทายในชีวิต และลูกจะใจดีกับตัวเองได้ ในวันที่สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะลูกรู้ดีว่า #พ่อแม่จะไม่ตัดสินและไม่ตำหนิเขา
.
แล้วพ่อแม่จะสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีที่จะช่วยให้ลูกมีความเมตตาต่อตัวเองได้อย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลยค่ะ
- สร้างเวลาคุณภาพ (quality time) หาเวลาเล่นกับลูก สนับสนุนในสิ่งที่ลูกสนใจ หรือมีส่วนร่วมในงานอดิเรกของลูก เช่น เล่นต่อเลโก้ ต่อจิ๊กซอว์ เตะบอล อ่านหนังสือ เล่นบอร์ดเกมด้วยกัน ฯลฯ การมีเวลาคุณภาพกับลูก เป็นการส่งสารง่าย ๆ ให้ลูกรับรู้ว่า #ลูกคือสิ่งสำคัญสำหรับพ่อแม่
- ทำให้ลูกรู้ว่าการเกิดความรู้สึกทางลบเป็นเรื่องปกติ ความรู้สึกเศร้า ผิดหวัง เสียใจ คับข้องใจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับทุกคน และการมีความรู้สึกเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติทั่วไป หากวันหนึ่งลูกรู้สึกผิดหวัง ร้องไห้เสียใจกับผลสอบของตัวเอง พ่อแม่อาจจะบอกกับเขาว่า…
“แม่เห็นว่าหนูผิดหวังมากกับผลสอบ แต่ไม่เป็นไรนะ สิ่งต่าง ๆ มันก็ไม่ได้เป็นแบบที่เราคาดหวังเสมอไป แค่เห็นลูกตั้งใจอ่านหนังสือ แม่ก็ภูมิใจในตัวหนูมาก ๆ แล้ว”
“ แม่เสียใจที่แจกันใบโปรดของแม่แตก แต่ไม่เป็นไรนะลูก อุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ แม่รู้ว่าหนูไม่ได้ตั้งใจ ”
- ชื่นชมเวลาที่เห็นลูกแสดงความเมตตาต่อตัวเอง ในวันหนึ่งที่ลูกล้มแล้วลุกขึ้นมาได้ แล้วพ่อแม่บอกกับเขาว่า…
“พ่อกับแม่รู้ว่าลูกเสียใจกับความผิดพลาด แต่พ่อแม่รู้สึกภูมิใจมากนะ ที่เห็นลูกพยายามทำมันอีกครั้ง”
ได้ยินแบบนี้ ลูกเองก็จะอยาก ‘พยายามอีกครั้ง’ ในเรื่องอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะสำหรับลูกแล้วหากพ่อแม่มองเห็น ให้คุณค่า และชื่นชม ในช่วงเวลาที่เขาให้อภัยตัวเอง ใจดีกับตัวเอง เขาก็จะเมตตาตัวเองเก่งยิ่งขึ้น และจะเก่งยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อต้องเจอกับบทเรียนใหม่ ๆ ในชีวิต
.
‘เมื่อลูกต้องเผชิญกับความผิดหวัง เขาจะเรียนรู้วิธีเมตตาต่อตัวเอง จากสิ่งที่พ่อแม่พูดและกระทำกับเขา’
พ่อแม่จึงมีส่วนสำคัญในการช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่า การทำผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ เราต้องให้อภัยตัวเอง และพยายามทำให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป
.
และสุดท้ายนี้ มีประโยคนึงที่อยากจะฝากถึงพ่อแม่ทุกท่านที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่..
“คุณพ่อคุณแม่เอง ก็อย่าลืมเมตตาตัวเองกันด้วยนะคะ”
Net PAMA ขอเป็นส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ดีของทุกครอบครัว ♥️
หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดต้องการศึกษาเรื่องการเลี้ยงลูกเชิงบวก หรือศึกษาทักษะพื้นฐานในการสื่อสารเพื่อความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคนในครอบครัว สามารถเข้ามาศึกษาได้ในคอร์สจัดเต็ม ซึ่งจัดทำโดยทีมจิตแพทย์เด็กและนักจิตวิทยา ที่ www.netpama.com เรียนฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย รับรองว่านำไปใช้จริงได้แน่นอนค่ะ
.
บทความโดย ซันเดย์
ที่มา: https://raisingchildren.net.au/school-age/health-daily-care/mental-health/self-compassion-young-children
https://www.madelinepolonia.com/blog/3-elements-of-self-compassion