เมื่อใจลูกแตกสลายจากการถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนและการบูลลี่ใน line กลุ่ม

วิธีการพูดคุยเยียวยาความรู้สึกและแนวทางจัดการช่วยเหลือลูกเมื่อถูกรังแก 

ในวันที่เรารู้ว่า ลูกที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเราถูกกลั่นแกล้ง ไปโรงเรียนโดนรังแกไม่พอ เมื่อกลับถึงบ้านก็ยังหนีไม่พ้นการกลั่นแกล้งในโลกโซเชี่ยล หรือ line กลุ่ม หากลูกเจ็บปวดทุกข์ใจ พ่อแม่อย่างเรานั้นยิ่งทุกข์และเจ็บปวดใจยิ่งกว่า …

ยิ่งถ้าลูกไม่เล่าแล้วเราไปรู้จากคนอื่น อาจทำให้แม่ยิ่งอารมณ์ขึ้น โกรธคนที่มารังแกลูกเรา เสียใจที่ลูกไม่เล่า ผิดหวังที่ลูกปกป้องตัวเองไม่ได้ 

“ทำไมโดนแกล้งแล้วไม่บอกพ่อแม่ ไม่บอกครู ไปยอมให้เค้ารังแกได้ไง ทำไมไม่สู้เค้า หรือเดินหนีก็ได้ ก็เพราะนิสัยลูกเป็นแบบนี้ไง เพื่อนถึงชอบแกล้ง มีอะไรไม่พูดนั่งเงียบให้เค้าแกล้ง แบบนี้ใครจะไปช่วยลูกได้ “

ใจที่บอบช้ำจากการโดนรังแก เมื่อลูกมาได้ยินประโยคเหล่านี้จากพ่อแม่ เราคิดว่า…ลูกจะรู้สึกอย่างไรคะ

ไม่ใช่เรื่องผิดที่พ่อแม่จะมีอารมณ์และความรู้สึก ไม่ว่าจะโกรธ ผิดหวัง เสียใจ โดยเฉพาะในเวลาที่แม่รู้สึกว่า ลูกไม่ไว้ใจ ไม่เล่า ทำไมลูกไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ หลายความรู้สึกถาโถม ยิ่งเรารักลูกมากเราจะยิ่งห่วงเค้ามาก

ในเวลาทุกข์ใจ คนทุกคนย่อมต้องการที่ระบายและมองหาคนช่วยเหลือ ลูกก็เช่นกัน แต่หากเล่าแล้ว พ่อแม่มักมีอารมณ์ โมโห พูดขัด ดุหรือสอนโดยไม่ฟังเขาพูดจนจบ ลูกอาจรู้สึกว่าพ่อแม่อยู่คนละข้างกับเขา ถูกซ้ำเติม ไม่กล้า ไม่อยากเล่า ปิดบัง จนสุดท้ายอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายได้ 

วันนี้เรามี แนวทางพูดคุยเยียวยาความรู้สึกลูกและวิธีการจัดการในวันที่ลูกถูกกลั่นแกล้ง มาฝากค่ะ 

1.ในวันที่ลูกถูกกลั่นแกล้งรังแก การเริ่มต้นที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาคือ “การฟัง” 

ก่อนฟัง ตั้งสติควบคุมอารมณ์แม่ให้ดี จัดการใจของเราให้พร้อมก่อนการฟังลูก  #อย่าให้คำพูดด้วยความโมโหของเรากลายเป็นอาวุธซ้ำเติมทำร้ายจิตใจลูก

ฟังให้เสมือนเราเข้าไปนั่งในใจของลูก ฟังอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน ไม่ว่าเราเห็นด้วยหรือไม่ อย่าเพิ่งขัด ฟังให้จบ ให้โอกาสลูกได้ระบายความทุกข์  ความเสียใจ ความอัดอั้นทั้งหมดที่ลูกมีออกมา โดยยอมรับในทุกความรู้สึกของลูก

ทำให้ลูกรู้ว่า…ไม่ว่าโลกนี้จะโหดร้ายเพียงใด  พ่อแม่คือพื้นที่ปลอดภัยของลูกเสมอ 

“แม่เห็นช่วงนี้หนูเงียบ ๆ ไม่อยากไปโรงเรียน เล่าให้แม่ฟังได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น  “

“ถ้าลูกไม่อยากเล่าตอนนี้ ไม่เป็นไร แต่ลูกรู้ใช่ไหม แม่อยู่ข้างๆ และพร้อมที่จะรับฟังหนูเสมอนะ “

“ลูกอายที่จะเล่าและเสียใจมากที่โดนรุมแกล้ง แม่เข้าใจจริง ๆ ขอบคุณลูกนะที่ไว้ใจกล้าเล่าให้แม่ฟัง “

2. เมื่อรับฟังและเข้าใจในความรู้สึกลูกแล้ว ค่อย ๆ ชวนลูกพูดคุย ให้ลูกได้ทบทวนเหตุการณ์ หาต้นเหตุและคิดแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองก่อนหากลูกทำได้ 

หลังจากนั้น พ่อแม่ค่อยให้คำแนะนำ หรือยื่นมือให้ความช่วยเหลือลูกทันทีเมื่อลูกร้องขอ หรือเมื่อปัญหานั้นเกินกว่ากำลังที่ลูกจะแก้ด้วยตัวเองได้

“ลูกรู้สึกอย่างไรที่โดนแกล้ง”

“ทำไมเพื่อนคนนี้ถึงชอบรังแกลูก”

“ลูกมักจะโดนแกล้งในสถานการณ์แบบไหน ลูกสามารถป้องกันตัวเองอย่างไร”

“ลูกคิดว่าลูกจะทำอะไรได้บ้างเพื่อหยุดการกลั่นแกล้ง”

“ลูกอยากให้แม่ช่วยอะไรบ้าง หรือ ใครน่าจะช่วยลูกได้บ้าง”

4. สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก คือ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการกลั่นแกล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนที่สุด 

…สร้างความเคารพคุณค่าในตัวเอง (self esteem) ให้กับลูกโดยเริ่มต้นที่พ่อแม่รักและเคารพในตัวตนของลูก 

….สอนทักษะการช่วยเหลือตนเองให้ลูกเหมาะสมตามวัย

…สอนทักษะการแก้ปัญหาและวิธีรับมือเมื่อถูกรังแก เช่น ปกป้องตัวเอง การขอความช่วยเหลือ บอกพ่อแม่ ครู สู้ หรือ เดินหนี รู้จักเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองและสถานการณ์

…สอนทักษะทางสังคม การผูกมิตรกับเพื่อน

…สอนให้รู้จักความเห็นอกเห็นใจเพื่อให้ลูกไม่ไปรังแกใคร หรือช่วยเหลือตัวเองและผู้อื่นได้อย่างเหมาะสม

ในวันที่ลูกมีความมั่นใจและมีภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ และมีพ่อแม่เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเขาเสมอ

ถึงแม้ลูกจะหลีกเลี่ยงกับการถูกกลั่นแกล้งไม่ได้ แต่ลูกจะมีทักษะต่างๆ เป็นอาวุธ มีวิชาใจและตัวตนที่แข็งแกร่ง และมีพ่อแม่เป็นเกราะป้องกันทางใจให้กับเขา

ลูกของเราจะสามารถหาทางออกและยืนหยัดได้ในแม้ในวันที่โลกนั้นโหดร้ายกับเขาอย่างแน่นอนค่ะ

Netpama ขอเป็นกำลังใจและเป็นพื้นที่ปลอดภัยทุกคนนะคะ 

สำหรับคุณพ่อ คุณแม่ที่ต้องการเรียนรู้ ทักษะในการพูดคุยและรับฟังลูกในทุกสถานการณ์ สามารถเข้าไปเรียนที่ คอร์สจัดเต็มของเน๊ตป๊าม้า ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย มีทั้งคลิปละคร ตัวอย่างคำพูด มีแบบฝึกหัดให้ลองทำ เข้าใจง่ายใช้จริงในชีวิตประจำวันรับรองว่าได้ผลแน่นอนค่ะ