ทำยังไงเมื่อเจอรูปแปลกๆ ในโทรศัพท์ลูก?
เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว
ทำยังไงเมื่อเจอรูปแปลกๆ ในโทรศัพท์ลูก? บทความโดย #น้องตัวกลม
.
บทความนี้ตั้งใจสะท้อนเรื่องราวของคุณกายและคุณฮารุ ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ #คำนี้ดี เพื่อเป็นตัวอย่างในการเลี้ยงลูกแบบใจเย็นและเข้าใจลูก ไม่ได้มีเจตนาพูดถึงเด็กในทางไม่เหมาะสมแต่อย่างใด โดยอยากยกเรื่องราวนี้ เพื่อเป็นประโยชน์กับพ่อแม่อีกหลายครอบครัว ที่อาจกำลังเผชิญสถานการณ์คล้ายกัน และกำลังมองหาวิธีพูดคุยกับลูกอย่างเข้าใจ
--------------------------
เคสตัวอย่างจากครอบครัวคุณกาย&คุณฮารุ
ในรายการ “คำนี้ดี” ทั้งคู่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เจอกับลูกของตัวเอง มีวันนึงคุณกายและคุณฮารุไปเจอเข้ากับรูปถ่าย “ของลับ” ของลูกในโทรศัพท์
.
อ่านถึงตรงนี้ หลายบ้านอาจจะตกใจ บางครั้งอาจเผลอระเบิดอารมณ์ใส่ลูกไปก่อนแล้ว
.
แต่สิ่งที่ทั้งสองคนทำ กลับเรียบง่ายมาก… พวกเขาเลือกที่จะ “ถามลูกก่อน” ว่า “หนูถ่ายรูปนี้ไว้ทำไมเหรอลูก?” โดยที่ไม่ได้ใส่อารมณ์ ไม่ได้ตัดสินว่าผิด แค่ต้องการฟังว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่
.
ซึ่งน้องก็ตอบกลับว่า
“ทำไมเหรอคะมัม หนูไม่เคยเห็นของตัวเอง แค่อยากรู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง เพราะหนูไม่เคยเห็น หนูเลยต้องถ่ายรูป”
.
แล้วน้องยังถามกลับอีกว่า
“แล้วมัมเคยเห็นเหรอคะ?”
.
ประโยคนี้ฟังแล้ว ผู้ใหญ่อย่างเราก็อดคิดตามไม่ได้เหมือนกัน เพราะพอลองคิดตาม… เออ มันก็จริงอย่างที่น้องพูดแฮะ!
--------------------------
ฟังลูกก่อน แล้วเราจะเข้าใจเขาจริงๆ
ลองคิดดูนะคะ ว่าถ้าเรารีบสั่ง รีบดุโดยไม่ฟัง เราก็จะไม่ได้รู้เลยว่า ลูกทำไปเพราะอะไร หรือจริงๆ แล้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ทำ มันมีความเสี่ยงบางอย่างซ่อนอยู่
.
การฟังลูกแบบไม่ด่วนสรุป ช่วยให้เรามองเห็นว่า... บางทีเขาแค่กำลังเรียนรู้ หรือแค่อยากลองเหมือนเด็กทั่วๆ ไป และถ้าเราตั้งใจรับฟังเหตุผลของลูก โดยไม่ต้องรีบดุ ลูกก็จะไม่ปิดใจ แต่กล้าที่จะเปิดใจคุยกับเราได้อีกในอนาคต
--------------------------
Smart Questions = ถามดี ลูกตอบได้ ไม่กลัวเรา
“คำถามที่ดี” ไม่ใช่แค่ถามหาว่าใครผิด
แต่คือการถามเพื่อเข้าใจว่าเด็กคิดยังไง และอยากให้เขาเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้น
.
ลองดูตัวอย่างที่คุณกายพูดกับลูกหลังจากฟังเหตุผลแล้ว :
“อ๋อ โอเค ไม่เป็นไรเลย”
แล้วตามด้วย…
“แต่รู้มั้ยว่าเหตุผลที่ถ่ายแล้วต้องระวัง เพราะแม้จะลบลงถังขยะไปแล้ว มือถือก็กู้กลับมาได้ คนอื่นอาจจะเห็นโดยที่เราไม่ตั้งใจ หรือถ้าเผลอโพสต์ออกไป แล้วลูกจะรู้สึกยังไง?”
ลูกตอบกลับทันทีว่า
“โอ้โห! จริงด้วยยยย”
.
ไม่มีคำว่า “ห้ามทำ” ไม่มีคำว่า “ลูกผิดมาก” แต่ลูกเข้าใจหมดเลยว่า “สิ่งนี้ต้องระวังยังไง” และยังรู้สึกว่า “พ่อแม่ฟังเรา โดยที่ไม่โกรธเรา”
--------------------------
ทำไมวิธีนี้ถึงดี?
#เข้าใจลูกมากขึ้น เพราะเราได้ฟังความคิดที่อยู่ข้างใน ไม่ใช่แค่สิ่งที่เขาทำ
#ไม่ทำให้ลูกกลัวหรืออาย ที่จะกล้าพูดเรื่องสำคัญๆ กับเราอีก
#สร้างบรรยากาศที่คุยกันได้จริง ไม่ใช่บ้านที่เงียบ ไม่กล้าพูดอะไรเลย
--------------------------
อยากเข้าใจลูก ต้องฟังเขาก่อน
ประโยคที่ว่า…
“ก่อนจะเข้าใจใคร จงฟังเขาโดยไม่ด่วนตัดสิน” ยังคงใช้ได้เสมอ ไม่ว่าจะกับลูก คนในบ้าน หรือแม้แต่คนอื่นรอบตัวเรา
.
เราอาจเปลี่ยนการดุ เป็นการถาม เปลี่ยนการควบคุม เป็นการพูดคุย และเปลี่ยนบ้านธรรมดา ให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย ที่เด็กกล้าคิด กล้าทำ กล้าถาม และกล้ารับผิดชอบ
.
หากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้สำคัญ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง…
สามารถสมัครเรียนฟรีได้ที่
https://www.netpama.com/
ที่สอนพ่อแม่ให้ฟังลูกอย่างเข้าใจ พูดกับลูกอย่างสร้างสรรค์ และเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยทางใจแบบที่ทุกคนต้องการ เพราะทุกบ้าน…มีโอกาสเป็นบ้านที่ลูก “กล้าคุย” ได้เสมอ
.
Cr. ขอบคุณแรงบันดาลใจจากรายการ: THE STANDARD knd (คำนี้ดี)
สำหรับเรื่องราวดีๆ จากคุณกาย&คุณฮารุ ที่ช่วยจุดประกายให้บทความนี้เกิดขึ้น
https://www.youtube.com/shorts/qAegS9dzqMA
Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก
Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม
#Netpama #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก
.
บทความนี้ตั้งใจสะท้อนเรื่องราวของคุณกายและคุณฮารุ ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ #คำนี้ดี เพื่อเป็นตัวอย่างในการเลี้ยงลูกแบบใจเย็นและเข้าใจลูก ไม่ได้มีเจตนาพูดถึงเด็กในทางไม่เหมาะสมแต่อย่างใด โดยอยากยกเรื่องราวนี้ เพื่อเป็นประโยชน์กับพ่อแม่อีกหลายครอบครัว ที่อาจกำลังเผชิญสถานการณ์คล้ายกัน และกำลังมองหาวิธีพูดคุยกับลูกอย่างเข้าใจ
--------------------------

ในรายการ “คำนี้ดี” ทั้งคู่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เจอกับลูกของตัวเอง มีวันนึงคุณกายและคุณฮารุไปเจอเข้ากับรูปถ่าย “ของลับ” ของลูกในโทรศัพท์
.
อ่านถึงตรงนี้ หลายบ้านอาจจะตกใจ บางครั้งอาจเผลอระเบิดอารมณ์ใส่ลูกไปก่อนแล้ว
.
แต่สิ่งที่ทั้งสองคนทำ กลับเรียบง่ายมาก… พวกเขาเลือกที่จะ “ถามลูกก่อน” ว่า “หนูถ่ายรูปนี้ไว้ทำไมเหรอลูก?” โดยที่ไม่ได้ใส่อารมณ์ ไม่ได้ตัดสินว่าผิด แค่ต้องการฟังว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่
.
ซึ่งน้องก็ตอบกลับว่า
“ทำไมเหรอคะมัม หนูไม่เคยเห็นของตัวเอง แค่อยากรู้ว่าหน้าตามันเป็นยังไง เพราะหนูไม่เคยเห็น หนูเลยต้องถ่ายรูป”
.
แล้วน้องยังถามกลับอีกว่า
“แล้วมัมเคยเห็นเหรอคะ?”
.
ประโยคนี้ฟังแล้ว ผู้ใหญ่อย่างเราก็อดคิดตามไม่ได้เหมือนกัน เพราะพอลองคิดตาม… เออ มันก็จริงอย่างที่น้องพูดแฮะ!
--------------------------

ลองคิดดูนะคะ ว่าถ้าเรารีบสั่ง รีบดุโดยไม่ฟัง เราก็จะไม่ได้รู้เลยว่า ลูกทำไปเพราะอะไร หรือจริงๆ แล้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ทำ มันมีความเสี่ยงบางอย่างซ่อนอยู่
.
การฟังลูกแบบไม่ด่วนสรุป ช่วยให้เรามองเห็นว่า... บางทีเขาแค่กำลังเรียนรู้ หรือแค่อยากลองเหมือนเด็กทั่วๆ ไป และถ้าเราตั้งใจรับฟังเหตุผลของลูก โดยไม่ต้องรีบดุ ลูกก็จะไม่ปิดใจ แต่กล้าที่จะเปิดใจคุยกับเราได้อีกในอนาคต
--------------------------

“คำถามที่ดี” ไม่ใช่แค่ถามหาว่าใครผิด
แต่คือการถามเพื่อเข้าใจว่าเด็กคิดยังไง และอยากให้เขาเรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นั้น
.
ลองดูตัวอย่างที่คุณกายพูดกับลูกหลังจากฟังเหตุผลแล้ว :
“อ๋อ โอเค ไม่เป็นไรเลย”
แล้วตามด้วย…
“แต่รู้มั้ยว่าเหตุผลที่ถ่ายแล้วต้องระวัง เพราะแม้จะลบลงถังขยะไปแล้ว มือถือก็กู้กลับมาได้ คนอื่นอาจจะเห็นโดยที่เราไม่ตั้งใจ หรือถ้าเผลอโพสต์ออกไป แล้วลูกจะรู้สึกยังไง?”
ลูกตอบกลับทันทีว่า
“โอ้โห! จริงด้วยยยย”
.
ไม่มีคำว่า “ห้ามทำ” ไม่มีคำว่า “ลูกผิดมาก” แต่ลูกเข้าใจหมดเลยว่า “สิ่งนี้ต้องระวังยังไง” และยังรู้สึกว่า “พ่อแม่ฟังเรา โดยที่ไม่โกรธเรา”
--------------------------

#เข้าใจลูกมากขึ้น เพราะเราได้ฟังความคิดที่อยู่ข้างใน ไม่ใช่แค่สิ่งที่เขาทำ
#ไม่ทำให้ลูกกลัวหรืออาย ที่จะกล้าพูดเรื่องสำคัญๆ กับเราอีก
#สร้างบรรยากาศที่คุยกันได้จริง ไม่ใช่บ้านที่เงียบ ไม่กล้าพูดอะไรเลย
--------------------------

ประโยคที่ว่า…
“ก่อนจะเข้าใจใคร จงฟังเขาโดยไม่ด่วนตัดสิน” ยังคงใช้ได้เสมอ ไม่ว่าจะกับลูก คนในบ้าน หรือแม้แต่คนอื่นรอบตัวเรา
.
เราอาจเปลี่ยนการดุ เป็นการถาม เปลี่ยนการควบคุม เป็นการพูดคุย และเปลี่ยนบ้านธรรมดา ให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดภัย ที่เด็กกล้าคิด กล้าทำ กล้าถาม และกล้ารับผิดชอบ
.
หากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้สำคัญ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง…
สามารถสมัครเรียนฟรีได้ที่

ที่สอนพ่อแม่ให้ฟังลูกอย่างเข้าใจ พูดกับลูกอย่างสร้างสรรค์ และเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยทางใจแบบที่ทุกคนต้องการ เพราะทุกบ้าน…มีโอกาสเป็นบ้านที่ลูก “กล้าคุย” ได้เสมอ
.
Cr. ขอบคุณแรงบันดาลใจจากรายการ: THE STANDARD knd (คำนี้ดี)
สำหรับเรื่องราวดีๆ จากคุณกาย&คุณฮารุ ที่ช่วยจุดประกายให้บทความนี้เกิดขึ้น


Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก
Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม
#Netpama #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก

เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ