ลูกถูกบูลลี่เรื่องโรคซึมเศร้า... พ่อแม่ควรช่วยอย่างไร
เมื่อ 14 ชั่วโมงที่แล้ว
#น้องตัวกลม อยากชวนทุกคนมาคุยกัน 
เรื่องการบูลลี่ (Bullying) หรือการกลั่นแกล้งกัน โดยเฉพาะการบูลลี่ที่เกี่ยวกับเรื่อง #โรคซึมเศร้า
.
เด็กๆ ในสังคมยุคนี้กำลังเผชิญกับเรื่องนี้บ่อยขึ้น ไม่ว่าจะในโรงเรียน วงเพื่อน หรือแม้กระทั่งบนโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ เพราะมันส่งผลลึกถึงจิตใจ และเป็นประเด็นที่เราทุกคนควรเข้าใจให้มากขึ้น 
.
โรคซึมเศร้า คือสิ่งที่ควรได้รับความเข้าใจและการบูลลี่ ไม่เคยทำให้ใครมีความสุขจริงๆ เลย
.
อยากให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ทุกคนลองนึกภาพตาม สมมติว่าลูกของเรากำลังไม่สบายกาย เช่น เป็นหวัด ปวดท้อง หรือเป็นโรคอื่นๆ สิ่งแรกที่เราทำก็คือรีบพาไปหาหมอ ดูแลอย่างดีที่สุดใช่ไหมคะ
.
ซึ่งพอเป็นเรื่องของ “ความไม่สบายใจ” หรือ “ความเจ็บป่วยทางจิตใจ” อย่างโรคซึมเศร้า เด็กๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับโรคซึมเศร้า ก็เหมือนกับเด็กที่กำลังป่วยทางร่างกายเลยค่ะ พวกเขาไม่ได้แกล้งทำ ไม่ได้ต้องการเรียกร้องความสนใจ แต่กำลังต่อสู้กับความรู้สึกที่หนักหน่วงภายในใจอยู่
.
การที่พวกเขาถูกเพื่อนล้อด้วยคำพูดแรงๆ เช่น "พวกซึมเศร้า" หรือ "พวกอ่อนแอ" หรือถูกตัดออกจากกลุ่มเพื่อน ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ลงไปอีก
.
เหมือนกับเราเอาทิงเจอร์ไปราดบนแผล เจ็บ แสบ และทรมานสุดๆ
เพียงแต่…บาดแผลนี้ไม่ได้อยู่บนผิวหนัง แต่ซ่อนอยู่ในใจ ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเท่านั้นเอง
.
ทำไมเด็กบางคนถึงบูลลี่เพื่อนเรื่องโรคซึมเศร้ากันนะ ?บางครั้งเด็กที่บูลลี่เอง ก็อาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันร้ายแรงขนาดนั้น สาเหตุหลักๆ มักจะมาจาก "ความไม่เข้าใจ"
.
ไม่เข้าใจว่าโรคซึมเศร้าคืออะไร: เด็กบางคนไม่รู้ว่าโรคซึมเศร้าเป็นอาการป่วยจริงๆ ไม่ใช่แค่อารมณ์เศร้าชั่วคราว จึงอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่เอามาล้อเล่นได้ อิทธิพลจากสังคมและสื่อ: บางครั้งเด็กๆ ก็อาจเห็นจากผู้ใหญ่ หรือเห็นในข่าวและละคร ก็เลยเลียนแบบพฤติกรรมนั้นมา ต้องการเป็นที่ยอมรับ: เด็กบางคนก็อาจต้องการให้ตัวเองได้รับความสนใจจากเพื่อนในกลุ่ม จึงแสดงออกมาด้วยพฤติกรรมเหล่านั้น จัดการอารมณ์ไม่ได้: เด็กบางคนอาจมีปัญหาเรื่องการจัดการอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง บางครั้งจึงแสดงออกด้วยการใช้คำพูดหรือการกระทำที่รุนแรงกับคนอื่น.
คุณพ่อคุณแม่จะช่วยลูกได้อย่างไร ?ต้องยอมรับว่า…เราไม่อาจห้ามคนอื่นไม่ให้บูลลี่ลูกได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ทำได้และเห็นผลชัดที่สุด คือการเริ่มต้นจาก "ที่บ้าน” น้องตัวกลมมีข้อแนะนำเล็กๆ น้อยๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกคนกันนะคะ
.
พูดคุยกันเรื่องสุขภาพจิตให้เป็นเรื่องปกติ: ลองพูดคุยกับลูกเรื่องอารมณ์ความรู้สึกในแต่ละวัน ถามเขาว่า “วันนี้รู้สึกยังไงบ้าง?” “มีเรื่องไม่สบายใจอะไรไหม?” ให้ลูกรับรู้เสมอว่าความเศร้า ความเครียด เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ และเราสามารถดูแลมันได้เหมือนดูแลสุขภาพกาย ปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจ: ใช้กิจกรรมง่ายๆ เช่น ดูหนัง ฟังนิทาน อ่านการ์ตูน แล้วชวนลูกลองสวมบทตัวละครที่เจอปัญหา ถามว่า “ถ้าเป็นหนู จะรู้สึกยังไง?” “เราจะช่วยเพื่อนได้ยังไง?” การทำแบบนี้จะช่วยปลูกฝังความเห็นอกเห็นใจให้กับลูกได้ดีขึ้นค่ะ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า: เราสามารถเล่าให้ลูกฟังได้อย่างเปิดเผยว่า โรคซึมเศร้าก็เหมือนโรคทางกายอย่างหนึ่ง รักษาให้ดีขึ้นได้ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย และไม่ได้ทำให้คุณค่าของใครน้อยลงเลย เป็นพื้นที่ปลอดภัยของลูก: หากลูกตกเป็นเหยื่อของการบูลลี่ คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นที่พึ่งของเขา ให้เขารู้สึกว่าสามารถเล่าเรื่องทุกอย่างให้เราฟังได้โดยไม่ต้องกลัวโดนตำหนิ และหากลูกเป็นฝ่ายบูลลี่คนอื่น เราก็ต้องพูดคุยอย่างใจเย็นและหาต้นตอของพฤติกรรมนั้น เพื่อปรับแก้กันต่อไปค่ะ.
อยากชวนมาแชร์เรื่องราวและประสบการณ์ของแต่ละบ้านกันค่ะ
“วันนี้เราได้พูดคุยกับลูกเรื่องความรู้สึกของเขาแล้วหรือยัง?”
“เคยเจอสถานการณ์ที่ลูกถูกเพื่อนบูลลี่หรือไม่?”
“มีวิธีที่คุณพ่อคุณแม่ใช้ช่วยให้ลูกเข้มแข็งขึ้นอย่างไรบ้าง?”
การบูลลี่กันเรื่องโรคซึมเศร้าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและส่งผลรุนแรงต่อใจเด็กมาก เพราะการเรียนรู้ร่วมกัน จะช่วยให้เราสร้างสังคมที่เข้าใจและเห็นอกเห็นใจเด็กๆ ได้มากขึ้น 
.
พวกเราชาว Net PAMA ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ใหญ่ทุกคน มาช่วยกันสร้างสังคมที่เข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ตัดสินกัน และเต็มไปด้วยความเห็นใจกันนะคะ
https://www.netpama.com/ (เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย).
เน็ตป๊าม้า ขอแนะนำหลักสูตรออนไลน์ สอนเทคนิคเชิงบวกในการปรับพฤติกรรมเด็ก
คอร์สเร่งรัด
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่มีพื้นฐานการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวกอยู่แล้ว
แต่ต้องการแก้ไขปัญหาพฤติกรรมเด็กที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น
คอร์สจัดเต็ม
เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเรียนรู้และฝึกใช้เทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็ก
อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อเตรียมพร้อมที่จะนำไปรับมือกับปัญหาพฤติกรรมเด็ก
อย่างมั่นใจ
