เมื่อลูกอยากได้ของ “เกินตัว”… พ่อแม่ควรทำยังไงดี?

เมื่อลูกอยากได้ของ “เกินตัว”… พ่อแม่ควรทำยังไงดี?
“แม่ๆ หนูอยากได้ไอโฟนรุ่นใหม่ เห็นเพื่อนในห้องเค้าใช้กันหมดแล้ว!”
“พ่อครับ ขอซื้อตัวต่อเซ็ตนี้หน่อย ของมันต้องมี!”
.
ถ้าคุณเคยได้ยินประโยคแบบนี้ แล้วใจหนึ่งก็อยากให้ แต่อีกใจก็คิดว่า “แพงไปไหมลูก…”
อย่าเพิ่งหงุดหงิดหรือรีบปฏิเสธทันที เพราะสิ่งที่ลูกต้องการ… อาจไม่ใช่แค่ “ของ” แต่อาจเป็น “ความเข้าใจ” บทความโดย #น้องตัวกลม
-------------------------
 ทำไมเด็กถึงอยากได้ของแพง?
ของราคาแพง = คุณค่าบางอย่างในสายตาเด็ก เช่น
 สื่อถึงการยอมรับในกลุ่มเพื่อน
 อยากเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์
 เห็นจากยูทูบเบอร์/อินฟลูเอนเซอร์คนโปรด
 บางครั้งแค่ “อยากได้เพราะมันหรู” โดยยังไม่เข้าใจเรื่องเงิน
แต่… นี่แหละคือ โอกาสทองของการสอนเรื่อง “คุณค่า” และ “ความพอเพียง” แบบที่ไม่ต้องดุลูก
-------------------------
5 วิธีรับมือ “อย่างเข้าใจ” ด้วย #จิตวิทยาเชิงบวก
.
1. ฟังก่อน… แล้วถามกลับอย่างเปิดใจ
สิ่งแรกที่ควรทำคือรับฟังความต้องการของลูกอย่างตั้งใจ ไม่ต้องรีบปฏิเสธทันที สอบถามว่าทำไมถึงอยากได้สิ่งนั้น ลูกเห็นประโยชน์อะไรจากสิ่งของชิ้นนั้นบ้าง การรับฟังจะทำให้ลูกรู้สึกว่าพ่อแม่ให้ความสำคัญกับความคิดของเขา
 แทนที่จะพูดว่า “แพงไป!” หรือ “ไม่จำเป็น!”
ลองถามกลับว่า…
 “หนูอยากได้เพราะอะไรเหรอ?”
 “มีใครใช้อยู่บ้าง?”
 “คิดว่าของนี้มีประโยชน์ยังไง?”

เพราะเด็กที่รู้สึกว่าตัวเองถูกฟัง จะกล้าเปิดใจเรียนรู้มากขึ้น
.
2. อย่าดับฝัน แต่ชวนฝันอย่างมีแบบแผน
หากของชิ้นนั้นเป็นสิ่งที่ลูกอยากได้จริงๆ และมีความจำเป็น ลองชวนลูกตั้งเป้าหมายและวางแผนการเก็บเงินร่วมกัน อาจจะกำหนดเงินออมส่วนหนึ่งที่ลูกต้องเก็บเอง และส่วนหนึ่งที่พ่อแม่จะช่วยสมทบ การมีส่วนร่วมจะทำให้ลูกเห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้มา
พ่อและแม่ไม่จำเป็นต้องพูดว่า “ไม่ได้!”
แต่เลือกพูดได้ว่า…
 “พ่อลองหาข้อมูลมา ของมันดีจริงนะ ถ้าลูกจะซื้อ งั้นเราต้องวางแผนว่าจะซื้อมาได้ยังไง?”
 “หนูอยากเก็บเงินเองไหม? พ่อแม่ช่วยได้บางส่วนนะ”

วิธีนี้จะสอนให้ลูกเรียนรู้เรื่องการตั้งเป้าหมาย ความอดทน และความรับผิดชอบ
.
3. สอนให้ลูกเห็น “คุณค่า”
ช่วยให้ลูกเข้าใจว่า "ราคา" ไม่ได้เท่ากับ "คุณค่า" เสมอไป และสิ่งของบางอย่างอาจมีราคาแพงแต่ไม่ได้จำเป็น หรือบางอย่างราคาไม่แพงแต่มีคุณค่าทางใจมหาศาล พูดคุยถึงแหล่งที่มาของเงิน พ่อแม่ต้องทำงานเพื่อที่จะได้เงินมาซื้อของ รวมถึงคนอื่นๆ ก็ต้องทำงานเพื่อได้เงินมาใช้สอยในชีวิตประจำวันเช่นกัน

การเทียบแบบเป็นรูปธรรม ทำให้เด็กเริ่มมองเห็น ผลกระทบและลำดับความสำคัญได้ดีขึ้น
.
4. สร้าง “ความภูมิใจ” จากความพยายาม
สอนให้ลูกรู้จักอดทนและรอคอย ไม่ใช่ทุกอย่างที่อยากได้จะต้องได้ทันที การรอคอยจะทำให้ลูกเรียนรู้การวางแผนและการบริหารจัดการความต้องการของตัวเอง
ถ้าลูกอยากได้ของแพง ลองตั้งภารกิจง่ายๆ เช่น
เก็บออมเองจากค่าขนมหรือช่วยงานบ้าน
ทำโปรเจกต์สร้างรายได้เล็กๆ เช่น ทำของขาย หรือจากสิ่งที่ลูกชอบ

เมื่อลูกซื้อได้จากน้ำพักน้ำแรง คุณค่าในใจเด็กจะมากกว่าราคาหลายเท่า และที่สำคัญ… ลูกจะไม่มองว่า “เงินคือของที่ขอแล้วได้” อีกต่อไป
.
5. เป็นต้นแบบให้เห็นว่า “เราไม่ต้องมีทุกอย่าง”
พ่อแม่คือแบบอย่างที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตและการใช้เงิน ถ้าพ่อแม่รู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัด รอบคอบ และเห็นคุณค่าของเงิน ลูกก็จะซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นไปโดยธรรมชาติ
พ่อแม่ไม่จำเป็นต้องบ่นว่า “ไม่มีเงิน”
แต่สื่อสารด้วยการใช้ชีวิตแบบ “เลือกใช้” เช่น
 ใช้โทรศัพท์รุ่นเก่าแต่ดูแลอย่างดี
 ซื้อของจากคุณภาพที่คุ้มค่า
 พูดถึงความสุขจากสิ่งเล็กๆ เช่น “วันนี้ไม่ซื้อของ แต่ได้เดินเล่นกับลูก มีความสุขมากเลยนะ”

การกระทำเล็กๆ เหล่านี้ แสดงให้ลูกเห็นว่า ชีวิตที่ดี… ไม่ได้ขึ้นอยู่กับของแพงเสมอ
-------------------------
สุดท้ายนี้น้องตัวกลมอยากฝากกลอนน่ารักๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้ชาว NetPAMA
.
ไม่ต้องมีของแพง...อย่างใครเขา
แค่รู้จักพอเพียง…เท่าที่เราจะเอื้อมไหว
ลูกไม่ต้องรีบโต…ไม่ต้องเก่งเหมือนใครๆ
แค่ลูกนั้นเข้าใจ “คุณค่า” ก็เพียงพอ
.
 Net PAMA ขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาเรียนรู้ “วิธีสื่อสารกับลูกอย่างได้ใจ” ในคอร์สจิตวิทยาเด็กแบบเชิงบวก เพื่อสร้างลูกให้ “รู้จักพอ รู้จักคิด และรู้จักคุณค่า” ตั้งแต่วันนี้
สมัครเรียนฟรีได้ที่: https://www.netpama.com
-------------------------
Ref:
https://shorturl.asia/0eZrg
https://shorturl.asia/5atXE
https://shorturl.asia/BeiJh

Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก

Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม

#Netpama #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก #เข้าใจลูก