เมื่อลูกทำต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง

#เมื่อลูกทำต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง บทความโดย #มัมมี่Bชวนเมาท์
.
ใครเคยเจอบ้างว่า…ต่อหน้าลูกเชื่อฟังทุกอย่าง แต่ลับหลังกลับทำอีกอย่าง เช่น แกล้งน้อง ดื้อเงียบ หรือไม่ส่งงาน เป็นต้น พอถามกลับเฉไฉ ปิดบัง หรือโกหก พ่อแม่จึงทั้งกังวลและสงสัยในพฤติกรรมของลูก
.
พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้แปลว่า “ลูกเป็นเด็กไม่ดีหรือขี้โกหก” แต่อาจเป็นเพราะลูกกลัวที่จะสูญเสียความรักหากไม่ทำตามที่พ่อแม่บอก กลัวว่าจะต้องถูกดุ ถูกลงโทษหากไม่ทำตามที่พ่อแม่สอน และที่สำคัญที่สุด คือ กลัวพ่อแม่จะผิดหวังในตัวเขา
.
ลูกจึงพยายามทำดีต่อหน้าเพราะอยากให้พ่อแม่รักและพอใจ ลับหลังจะทำตามใจ เพื่อปลดปล่อยอารมณ์และความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้
.
ในการปรับพฤติกรรมลูกที่ได้ผลดีและยั่งยืน จึงไม่ใช่ #การสั่งหรือบังคับ ให้ลูกทำด้วย “ความกลัว” แต่เป็นการสอน ปลูกฝังให้ลูก “เชื่อในสิ่งที่ทำ” อยากทำดีด้วยใจควบคุมตัวเองให้ไม่ทำผิดได้แม้จะไม่มีใครเห็นก็ตาม
.
ซึ่งพ่อแม่ต้องเข้าใจและใช้หลายๆปัจจัยร่วมกัน ดังนี้
.
1. #ให้ความรักความอบอุ่นแบบที่ลูกต้องการ
เด็กที่ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่อย่างอบอุ่น จะไว้ใจพ่อแม่และไว้ใจโลก เด็กที่รู้ว่าตัวเองถูกรักเสมอ จะมีความมั่นคงจากภายใน ไม่ต้องแกล้งทำดีให้ใครเห็นเพื่อให้ได้รับความรัก
.
2. #ส่งเสริมให้ลูกรู้สึกถึงคุณค่าในตัวเอง
หากดีพอสำหรับพ่อแม่ ลูกจะรู้สึกดีพอกับตัวเองเสมอ ไม่หวั่นไหว ยอมทำผิด หรือต้องทำตามใครเพียงเพื่อที่จะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น
.
3. #คำนึงถึงความเป็นเด็ก
หากเข้าใจธรรมชาติตามวัยของลูก เราจะไม่หงุดหงิดที่ลูกช้า ไม่รำคาญที่ลูกทำไม่ได้ ยอมรับว่าลูกสามารถทำผิดพลาดได้

เมื่อทำผิด ลูกจะเห็นสายตาของพ่อแม่ที่มองมาด้วยความเมตตาเสมอ สายตาที่เข้าใจว่า เขาพยายามทำเต็มที่แล้ว ยอมให้เวลาเพื่อที่ลูกจะได้เรียนรู้ ปรับปรุงแก้ไข
.
4. #ยอมรับในตัวตนของลูก
รักและยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากให้เขาเป็น ลูกจะยอมรับและภูมิใจในตัวเองได้โดยไม่ต้องกังวลถึงความรู้สึกของพ่อแม่ หรือต้องคอยเปรียบเทียบกับใคร และในวันที่ทำผิดสิ่งที่ลูกต้องแก้ไข คือ #พฤติกรรม ไม่ใช่ “ตัวตน”
.
5. #เข้าใจถึงความสำคัญในการสร้างวินัย
ไม่มีใครอยากเปลี่ยนตัวเองเพราะโดนดุ แต่จะอยากเปลี่ยนตัวเองเพราะเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นดีจริง
#วินัยที่ฝึกจากความเข้าใจและความสัมพันธ์ที่ดี จึงให้ผลลัพธ์ที่ดีและยืนยาวกว่า #วินัยที่มาจากการควบคุม
.
6. #กำหนดความคาดหวังให้ชัดเจนและสมเหตุสมผล
อย่างตั้งความหวังหรือต้องการผลลัพธ์ที่เร็วจนเกินไป ในการปรับพฤติกรรมของลูกหรือแม้แต่ตัวเราเองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลา ความอดทนทำอย่างสม่ำเสมอ
.
7. #ความเสมอต้นเสมอปลายในการปรับพฤติกรรม
ในการปรับพฤติกรรมลูก ต้องชัดเจน เป็นประจำและสม่ำเสมอ ไม่ปรับเปลี่ยนตามไปอารมณ์และความสะดวกของพ่อแม่ หรือแม้แต่การต่อรองของลูก
.
8. #เข้มงวดเอาจริง
กฎและกติกาจะศักดิ์สิทธิ์ต่อเมื่อทุกคนเคารพและปฎิบัติตามอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้นลูกจะเรียนรู้ว่า วันนี้ห้าม พรุ่งนี้อนุญาต สักพักกฎนี้อาจจะหายไปเอง

9. #ผู้ใหญ่ใกล้ชิดต้องให้ความร่วมมือ
ผู้ใหญ่ในบ้านทุกคนต่างรักและหวังดีกับเด็ก ดังนั้นการปรับพฤติกรรมลูกจึงไม่ใช่แค่หน้าที่ของพ่อแม่ แต่เป็นการร่วมมือกันของทุกคนที่รักเขา
.
10. #ทำให้กฎศักดิ์สิทธิ์
กำหนดกฎและกติกาในบ้าน และผลที่ตามมาหากไม่ปฏิบัติตามกฎให้ชัดเจน เปิดโอกาสให้ลูกมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎ จะเพิ่มการร่วมมือได้มากกว่า เป็นผู้ทำตาม สำคัญที่สุด พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี เคารพและปฎิบัติตามกฎอย่างสม่ำเสมอ

11. #ให้ลูกได้พูดความรู้สึกและบอกความต้องการ
ลูกจะกล้าพูดความจริงเมื่อรู้สึกว่าพ่อแม่รับฟังเขาด้วยใจ รับรู้ได้ว่าพ่อแม่เข้าใจในความรู้สึก ถึงแม้จะไม่ตามใจเขาก็ตาม (Kind but firm )

12. #ให้ลูกเป็นตัวเองและมีอิสระตามวัยอย่างเหมาะสม
“ฉันมีดี ฉันทำได้ พ่อแม่ไว้ใจฉัน" การเรียนรู้ที่ดีที่สุด คือการได้ลองลงมือทำ สร้างคุณค่าและความมั่นใจ โดยปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ภายใต้การดูแลในสายตาของพ่อแม่ ยอมให้ลูกทำผิดพลาดได้บ้างเพื่อเรียนรู้ แก้ไข และเติบโต
.
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการแก้ไขและปรับพฤติกรรมลูกทุกวัย สร้างวินัยและความสัมพันธ์ที่ดีให้กับลูกสามารถลงทะเบียนเรียนฟรีกับ NetPAMA ได้ที่ https://www.netpama.com/
.
คอร์สเรียนของเราถูกออกแบบโดยจิตแพทย์และนักจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น มีทั้งคลิปวิดีโอเรื่องราวต่าง ๆ ตัวอย่างคำพูดที่สามารถนำไปใช้ได้จริง โดย #เรียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ 

Positive Parenting Anywhere Anytime มาเลี้ยงลูกเชิงบวกกับ 'เน็ตป๊าม้า' หลักสูตรออนไลน์สอนเทคนิคการปรับพฤติกรรมเด็กเชิงบวก

Empower Families, Enrich Societies
เสริมพลังครอบครัว, สร้างพลังสังคม

#Netpama #เน็ตป๊าม้า #คัมภีร์เลี้ยงลูกเชิงบวก #เลี้ยงลูกเชิงบวก